ดอลล์อ่อนค่าหลังภาคการผลิตสหรัฐฯขยายตัวช้าลง

สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (2 พ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1523 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1448 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4670 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4602 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7657 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7602 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 106.47 เยน จากระดับ 106.69 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9550 ฟรังก์ จากระดับ 0.9593 ฟรังก์ ขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2529 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2543 ดอลลาร์แคนาดา

ดอลลาร์ปรับตัวลดลงหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า รายงานของ ISM ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของสหรัฐหดตัวลงแตะระดับ 50.8 จากระดับ 51.8 ในเดือนมี.ค. ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 51.4 ในเดือนที่รายงาน อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว

ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังจากรายงานของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 51.7 ในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายงานเบื้องต้นที่ 51.5 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเลขเดือนมี.ค.ที่ระดับ 51.6