หุ้นยุโรปปิดลบ ตลาดคาดเฟดชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นต่ำเกินคาด เนื่องจากข้อมูลที่อ่อนแอดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อแนวโน้มที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx 600 ลดลง 0.4% ปิด (6 พ.ค.) ที่ 331.67 จุด และลดลง 2.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติปรับตัวลดลงในระหว่างสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,301.24 จุด ลดลง 18.22 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,869.95 จุด เพิ่มขึ้น 18.09 จุด หรือ +0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,125.70 จุด เพิ่มขึ้น 8.45 จุด หรือ +0.14%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 202,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน นับเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวดี

ส่วนอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 5% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 25.53 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงในเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซาน่าจะช่วยลดความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจต้องการหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วจริงๆ

หุ้นอาร์เซเลอร์มิตตัล เอสเอ ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากปริมาณการผลิตลดลง 1.2% หลังระบุว่า บริษัทยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการผลิตเหล็กกล้าที่สูงเกินไปในจีน

หุ้นแรนโกลด์ รีซอร์สเซส พุ่งขึ้น 6.6% จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาโลหะมีค่า ขณะที่หุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena SpA เพิ่มขึ้น 2.4% หลังเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

Back to top button