DNA คาดปีนี้พลิกกำไร-เผยอยู่ระหว่างยื่นขอ PPA สร้างโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ
DNA คาดปีนี้พลิกมีกำไรสุทธิตามรายได้โต ส่วนธุรกิจพลังงานขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตขายไฟฟ้า (PPA) ในพื้นที่ภาคใต้ และภาคเหนือตอนล่าง ด้านธุรกิจบริหารจัดการน้ำเตรียมเข้าประมูลงานกลางปีนี้ มูลค่างานราว 300 ลบ.
นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน)หรือ DNA เปิดเผยว่าบริษัทคาดว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิ ตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน หลังธุรกิจหลักทั้งพลังงานทดแทน ,ธุรกิจการบริหารจัดการน้ำ ,ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และธุรกิจอาหารยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะมีการปรับแผนในธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่จะหันมาเน้นงานบริหารสื่อ พร้อมกับลดบทบาทสื่อโฆษณานอกบ้าน
รวมถึงลดการซื้อคอนเท้นท์เพื่อหวังลดต้นทุนการดำเนินงาน ขณะที่การจะขายหุ้นทั้งหมด 75% ในบริษัท ไพร์มไทม์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (PTE) เชื่อว่าจะช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจลงได้
สำหรับการดำเนินธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทดแทน ,ธุรกิจยูทิลิตี้ หรือการบริหารจัดการน้ำ ,ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และธุรกิจอาหาร ในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดี โดยธุรกิจพลังงานทดแทนที่บริษัทมีแผนจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตขายไฟฟ้า (PPA) ในพื้นที่ภาคใต้ และภาคเหนือตอนล่าง คาดว่าจะสามารถทราบผลได้ในเร็วๆนี้ และน่าจะทำให้การเดินหน้าธุรกิจพลังงานปีนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ส่วนธุรกิจบริหารจัดการน้ำ บริษัทก็เตรียมเข้าประมูลงานกลางปีนี้ มูลค่างานราว 300 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 6-9 เดือน และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ บริษัทได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานใหม่ จากเดิมจะเน้นสื่อ Out Of Home ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นการรับบริหารสื่อ อย่างการเข้าไปจัดการแข่งขันและบริหารสื่อให้กับสนามมวยลุมพินี เป็นต้น และได้ลดบาทบาทการซื้อคอนเทนท์ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงธุรกิจอาหาร “มิสเตอร์บัน” ในปีนี้ก็จะมีการออกสูตรใหม่ ๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขายหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด 75% ในบริษัท ไพร์มไทม์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เพื่อลดความเสี่ยงในธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการขายหุ้นดังกล่าวได้ในเร็วๆนี้
ส่วนการที่ให้บริษัท มายเน็ตเวิร์ค แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (MyNet) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ DNA เข้าซื้อหุ้น 51% ใน AEK Sole Co., Ltd. ในประเทศลาว (AEK) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านไอซีทีแบบครบวงจรในลาว เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมนั้น ล่าสุด ก็ได้มีการลงนามบันทึกในข้อตกลงความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทแล้ว เพื่อร่วมศึกษาการลงทุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจรในประเทศลาวและเสริมสร้างความแข็งแกร่งความสามารถทางด้านไอซีทีสู่ระดับสากล
ทั้งนี้ AEK ถือว่าเป็นบริษัทที่มีการเติบโตมาโดยตลอด มีรายได้ต่อปีราว 10 ล้านบาท ซึ่งการที่ MyNet ได้เข้าลงทุนในครั้งนี้ ก็จะได้รับประโยชน์จากใบอนุญาตที่ AEK มีอยู่ และยังส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามทาง MyNet ก็ยังคงมองโอกาสการลงทุนในประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพื่อขยายธุรกิจโทรคมนาคมเพิ่มเติม