ดาวโจนส์ปิดลบ 34 จุด ตลาดวิตกราคาน้ำมันร่วง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 2% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟด จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (9 พ.ค.) ที่ 17,705.91 จุด ลดลง 34.72 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,750.21 จุด เพิ่มขึ้น 14.05 จุด หรือ +0.30% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,058.69 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด หรือ +0.08%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 2.7% อันเนื่องมาจากข่าวซาอุดิอาระเบียประกาศปลดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 202,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน ส่วนอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 5% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจต่อไป ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า “จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดที่จะรอคอยและจับตาข้อมูลเศรษฐกิจต่อไป ก่อนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยังคงมีความเหมาะสม ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัว 2.5% ในปีนี้”
หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.5% ซึ่งเป็นหุ้นที่ดิ่งลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นเชฟรอนดิ่งลง 1.5% และหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วงลง 2.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ดิ่งลง 6.7% หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 5.8% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 10.8%
ส่วนหุ้นคริสปี้ครีมพุ่งขึ้น 24.3% หลังจากมีรายงานว่าเจเอบี โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนของเยอรมนี ประกาศเข้าซื้อกิจการคริสปี้ ครีม โดนัทส์ ด้วยวงเงิน 1.35 พันล้านดอลลาร์ หรือ 21 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าถึง 25% เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 16.86 ดอลลาร์/หุ้น โดยการซื้อกิจการดังกล่าว ถือเป็นการซื้อกิจการในธุรกิจอาหารของสหรัฐเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือนของเจเอบี โฮลดิ้ง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค. ส่วนวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. สำหรับวันศุกร์ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน