RML ปัดร่วมทุน IFEC เพื่อพัฒนาที่ดินส่วนต่อขยายภายในโรงแรมดาราเทวี
RML ปัดร่วมทุน IFEC เพื่อพัฒนาที่ดินส่วนต่อขยายภายในโรงแรมดาราเทวี เผยเตรียมซื้อที่ดิน-พัฒนา 2 โครงการใหม่มูลค่า 8 พัน-1 หมื่นลบ.
นายจอห์นสัน ตัน กรรมการผู้อำนวยการและกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีแผนและยังไม่ได้เจรจาที่จะร่วมทุนกับ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ในการร่วมทุนเพื่อพัฒนาที่ดินส่วนต่อขยายภายในโรงแรมดาราเทวี จังหวัดเชียงใหม่ ตามกระแสข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้าที่
ทั้งนี้ ยอมรับว่าบริษัทสนใจและกำลังมองหาที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่จะพัฒนาโครงการในจังหวัดท่องเที่ยวและพื้นที่โซน CBD ในกรุงเทพฯ
“เรื่องการร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯในดาราเทวีกับ IFEC ตามข่าวที่ออกมานั้น ณ ตอนนี้เรายังไม่มีแผนและก็ไม่ได้มีการเจรจากับทาง IFEC เลย แต่ถามว่าเราสนใจจังหวัดเชียงใหม่ไหม เราก็สนใจที่จะเข้าไปลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่เหมือนกัน ตามแผนเราก็มองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการในทำเล Resort Market และ Bangkok CBD”นายจอห์นสัน กล่าว
ด้านนายวิท สุธีรชาติกุล นักลงทุนสัมพันธ์ RML กล่าวว่า บริษัทตั้งงบซื้อที่ดิน 3 พันล้านบาทจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาซื้อที่ดินจำนวน 2 แปลงทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่และภูเก็ต เพื่อนำมาพัฒนา 2 โครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่าโครงการรวม 8,000-10,000 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจะทยอยโอนในปีนี้จำนวน 5 พันล้านบาท และเป็นเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้ โดยใกล้เคียงกับรายได้ในปี 58 ที่ทำได้ราว 5 พันล้านบาท ส่วน Backlog ในส่วนที่เหลืออีก 1.9 พันล้านบาทจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 60
สำหรับยอดขายของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 2.5-3 พันล้านบาท โดยไตรมาส 1/59 ทำยอดขายได้แล้ว 750 ล้านบาท มาจาก 7 โครงการ ได้แก่ โครงการเดอะลอฟท์ เอกมัย, โครงการเดอะลอฟท์ อโศก, โครงการเดอะรีเวอร์, โครงการ 185 ราชดำริ, โครงการเดอะไซร์ วงศ์อมาตย์, โครงการยูนิกซ์ พัทยาใต้ และโครงการมิวส์ เย็นอากาศ ขณะที่บริษัทมียูนิตที่เหลือขายในมือราว 7.37 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยขายได้อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ยอดขายในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการเดอะ ลอฟท์ อโศก มูลค่าโครงการ 3.14 พันล้านบาทอย่างเป็นทางการในวันที่ 14-15 พ.ค. 59 ราคาขายเฉลี่ยยังอยู่ที่ 190,000-250,000 ต่อตารางเมตร แต่หลังจากจบงานไปแล้วจะปรับราคาขายขึ้น 3-5% โดยจุดเด่นของโครงการดังกล่าวอยู่ที่จำนวนยูนิตที่น้อยกว่าโครงการที่อยู่ในย่านอโศกด้วยกัน ซึ่งโครงการนี้มีจำนวนห้องเพียง 211 ยูนิต อีกทั้งยังมีจุดเด่นเรื่องการดีไซน์ที่ทันสมัยและแตกต่าง
อย่างไรก็ดี บริษัทมองแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบน (Luxury) ยังมีทิศทางที่ดีอย่างเนื่องจาก เพราะลูกค้าระดับบนมีกำลังซื้อสูงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากนัก ประกอบกับปัจจุบันมีลูกค้าจากต่างชาติเข้ามาซื้อโครงการมากขึ้น โดยสัดส่วนลูกค้าต่างชาติปัจจุบันเพิ่มเป็น 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 40%
นอกจากนี้ยอดขายของโครงการระดับบนเติบโตมากกว่าโครงการระดับกลางถึงล่าง เห็นได้จากโครงการเดอะ ลอฟท์ ทั้ง 2 โครงการ ที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยโครงการเดอะ ลอฟท์ เอกมัย มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 80% ในปัจจุบัน และโครงการเดอะ ลอฟท์ อโศก เดิมบริษัทตั้งเป้ายอดขายก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการไว้ที่ 40% แต่ปัจจุบันได้รับผลตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด ซึ่งทำได้เดือบ 50% และตั้งเป้าภายใน 2 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 80%