น้ำมันดิบปิดบวกจากข่าวโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันไนจีเรีย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียได้ส่งผลให้การผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าในแคนาดาได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันเช่นกัน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิด (10 พ.ค.) ที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.89 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า สถานการณ์ไฟป่าในแคนาดาได้กระทบการผลิตน้ำมันโดยรวม 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้การผลิตน้ำมันทั่วโลกได้หยุดชะงักลงมากกว่า 2.5 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้ มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบในแคนาดาอาจจะใช้เวลานานกว่า 1 สัปดาห์ จึงจะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เต็มศักยภาพ นอกจากนี้ เหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียก็ได้ทำให้การผลิตน้ำมันลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี และยังส่งผลให้คนงานบริษัทน้ำมันต้องอพยพออกจากพื้นที่
ด้านโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐจะลดลงน้อยกว่าคาดในปีนี้ ขณะที่ผู้ขุดเจาะน้ำมันในตะวันตกของเท็กซัส และโอกลาโฮมา สามารถหาวิธีในการผลิตน้ำมันได้เร็วขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ทั้งนี้ โกลด์แมนเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะลดลงราว 650,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่าจะลดลง 725,000 บาร์เรล/วัน
ทางบริษัทยังคาดว่า การลดลงของการผลิตน้ำมันในสหรัฐจะช่วยให้ราคาพลังงานเพิ่มขึ้น โดยทำให้อุปสงค์และอุปทานน้ำมันเข้าสู่จุดสมดุล หลังจากเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย