ราคาน้ำมันดิบพุ่งเกือบแตะ 47 ดอลล์ รับรายงาน IEA-EIA
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทะยานขึ้นในวันนี้ แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่บ่งชี้ภาวะตึงตัวของอุปทาน ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.43% สู่ระดับ 46.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งแตะ 46.92 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
IEA ระบุในรายงานภาวะตลาดน้ำมันว่า ภาวะอุปสงค์และอุปทานบ่งชี้ว่าตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวไปสู่ระดับดุลยภาพ ขณะที่ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดจะหดตัวลงในปีนี้ “ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 250,000 บาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 96.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ขณะที่ประเทศนอกกลุ่มโอเปกลดการผลิตลง” รายงานระบุ
เมื่อเทียบรายปี ผลผลิตน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นเพียง 50,000 บาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. เทียบกับที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 3.5 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่คาดว่า ผลผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกในปีนี้จะลดลง 800,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 56.8 ล้านบาร์เรล/วัน
IEA ระบุว่า ถึงแม้ปริมาณน้ำมันจากโอเปกเพิ่มสูงขึ้น แต่การผลิตที่ลดลงของประเทศนอกกลุ่มโอเปก และอุปสงคน้ำมันที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้การเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะทำให้อุปสงค์, อุปทาน และราคาน้ำมันกลับสู่ภาวะมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 540 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลสต็อกน้ำมันดังกล่าวสวนทางกับสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ที่รายงานวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.45 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 543.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ การที่บริษัทรอยัล ดัชท์ เชลล์ประกาศปิดท่อส่งน้ำมันในไนจีเรีย และสถานการณ์ไฟป่าในแคนาดา ก็ได้เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันเช่นกัน