ADVANC แถลงโต้ข้อกล่าวหา สปท.-ยืนยันแก้สัญญาเป็นประโยชน์ต่อรัฐ-ค่าบริการถูกลง

ADVANC แถลงโต้ข้อกล่าวหา สปท.ที่ระบุว่าเอไอเอสแก้ไขสัญญาสัมปทานโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานแก่ บมจ.ทีโอที เป็นเงิน 8.84 หมื่นลบ. โดย AIS ยืนยันการแก้สัญญาเป็นประโยชน์ต่อรัฐ-ค่าบริการถูกลง


บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC ชี้แจงข้อกล่าวหาของคณะอนุกรรมาธิการศึกษาเสนอแนะมาตรการและกลไกในการปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ระบุว่าเอไอเอสแก้ไขสัญญาสัมปทานโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานแก่ บมจ.ทีโอที เป็นเงิน 88,359 ล้านบาท

ทั้งนี้ เอไอเอส ขอยืนยันว่าการแก้ไขสัญญาต่างๆ ดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์กับรัฐ และรัฐได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประชาชนหรือผู้ใช้บริการได้ใช้บริการในราคาถูกลง อีกทั้งการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่ผ่านมาผู้ประกอบการทุกรายดำเนินการเหมือนกันหมด และเป็นการดำเนินการโดยสมัครใจของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย มิใช่ว่าเอไอเอสจะกระทำได้เองฝ่ายเดียว

ขณะที่ในส่วนของทีโอที ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐก็ได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาคณะกรรมการของทีโอที ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด สภาพัฒน์ฯ ซึ่งได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าเป็นประโยชน์แก่ภาครัฐและประชาชน จึงอนุมัติให้มีการแก้ไขสัญญาระหว่างกันได้

ทั้งนี้ การแก้ไขสัญญาดังกล่าว ประชาชนยังได้ใช้บริการในราคาถูกลง เช่น กรณีการกำหนดอัตราส่วนแบ่งรายได้ของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงิน(พรีเพด) โดยมีเงื่อนไขให้ต้องมีการลดอัตราค่าใช้บริการลง ซึ่งเป็นผลทำให้ค่าใช้บริการถูกลง ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน และสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความพอใจ เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเมื่อค่าบริการถูกลงจึงส่งผลให้ปริมาณผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ทีโอที ได้รับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณผู้ใช้บริการเช่นเดียวกัน และสัญญาหลักตลอดจนการแก้ไขสัญญาต่างๆ ก็มีผลบังคับใช้และผูกพันคู่สัญญาเรื่อยมาโดยตลอดจนกระทั่งสิ้นสุดสัญญาไปแล้วเมื่อเดือน ก.ย.58

ส่วนประเด็นข้อกล่าวหา กรณีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกิจการโทรคมนาคม โดยมีมติคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องชำระภาษีสรรพสามิต ซึ่งในกรณีของเอไอเอสเป็นเงินจำนวน 31,462 ล้านบาทนั้น เอไอเอส ขอยืนยันว่ารัฐมิได้รับความเสียหายใดๆ และรัฐยังคงได้ประโยชน์สูงสุดเช่นเดิมจากรายได้สัญญาสัมปทาน เอไอเอสก็ไม่ได้รับผลประโยชน์หรือสิทธิพิเศษใดๆ จากการดำเนินการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการโทรคมนาคมเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพียงแต่แบ่งเงินที่ได้รับออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นภาษีสรรพสามิตที่จะต้องชำระให้แก่กระทรวงการคลังโดยตรงเป็นรายเดือน ทำให้รัฐได้รับเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกส่วนชำระให้แก่ผู้ให้สัมปทานนำไปใช้จ่ายในกิจการของตนเอง

ขณะที่ประเด็นข้อกล่าวหากรณีสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่คลื่น 900 MHz  หมดสัญญาลงทาง เอไอเอสต้องส่งมอบเสาสัญญาณคลื่น เครื่องมือ อุปกรณ์ทั้งระบบทั่วประเทศ และจัดหาสถานที่ตามสัญญาข้อที่ 2 และต้องเช่าต่ออีก 2 ปีหลังหมดสัญญา ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ต้องคืนให้กับรัฐประมาณ 120,000 ล้านบาท แต่ เอไอเอส ยังไม่คืนรัฐนั้น ตอนนี้เอไอเอส และทีโอที ได้มีการหารือที่จะยุติข้อพิพาทโดยการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้

Back to top button