ราคาทองคำปิดบวก ตลาดหุ้นร่วงหนุนแรงซื้อ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นแรงผลักดันให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิด (13 พ.ค.) ที่ 1,272.70 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.65%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.90 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ 17.132 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,052.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 4.25 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 592.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ข้อมูลค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.5% โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งนั้น มาจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาบอสตันได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายโรเซนเกรนยังกล่าวด้วยว่า ตลาดการเงินกำลังประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับช่วงจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และมองในแง่ลบมากเกินไปเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นยังส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยดีดตัวขึ้นตามราคาพลังงาน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.