ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 175 จุด รับราคาน้ำมันฟื้นตัว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นมากกว่า 3% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ตลาดน้ำมันได้สิ้นสุดภาวะอุปทานล้นตลาดแล้ว พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ในปีนี้ โดยการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นด้วย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (16 พ.ค.) ที่ 17,710.71 จุด พุ่งขึ้น 175.39 จุด หรือ +1.00%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,775.46 จุด เพิ่มขึ้น 57.78 จุด หรือ +1.22% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,066.66 จุด เพิ่มขึ้น 20.05 จุด หรือ +0.98%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ระบุในรายงานภาวะตลาดน้ำมันเมื่อวานนี้ว่า ตลาดน้ำมันได้สิ้นสุดภาวะอุปทานล้นตลาดที่ได้ดำเนินมาเกือบ 2 ปีแล้ว หลังจากเกิดการชะงักงันในการผลิตน้ำมันทั่วโลก
โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ตลาดได้เข้าสู่ภาวะขาดแคลนน้ำมันเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากอุปสงค์ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการผลิตเริ่มชะลอตัวลง โดยภาวะชะงักงันของการผลิตน้ำมันในไนจีเรีย เวเนซุเอลา สหรัฐ และจีนนั้น ส่งผลให้การผลิตน้ำมันลดลงอย่างมากนับตั้งแต่เดือนมี.ค. นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ในปีนี้ โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะมีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 45 ดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 2 และอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดีดขึ้น 3.9% หุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 3.95% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ทะยานขึ้น 6.1%
หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) รายงานว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เพิ่มการถือครองหุ้นในบริษัทแอปเปิล อิงค์ สู่ระดับ 9.8 ล้านหุ้น การพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลได้ช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอินเทล คอร์ป พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3%
ส่วนหุ้นไอบีเอ็ม ดีดตัวขึ้น 1.18% หลังจากก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC ระบุว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ได้เพิ่มการถือครองหุ้นในบริษัทไอบีเอ็มอีก 198,853 หุ้น สู่ระดับ 81.2 ล้านหุ้น ขณะที่หุ้นอานาคอร์ ฟาร์มาซูติคอล พุ่งขึ้น 57% หลังจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ตกลงซื้อกิจการของอานาคอร์ ฟาร์มาซูติคอล
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขานิวยอร์กระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ทรุดตัวลงในเดือนพ.ค. หลังจากขยายตัวเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านี้ ด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัวเป็นเดือนที่ 4 โดยอยู่ที่ระดับ 58 ในเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก โดยดัชนีดังกล่าวอยู่สูงกว่า 50 มาตั้งแต่เดือนก.ค.2014
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.