JSP คาดกำไรปีนี้นิวไฮ จ่อทบทวนเป้ารายได้ปีนี้สูงขึ้น-เล็งผุดหลายโครงการใหม่

JSP คาดกำไรปีนี้นิวไฮ จ่อทบทวนเป้ารายได้ปีนี้สูงขึ้นจากเดิมคาดโต 60% มาที่ 5.1 พันล้านบาท


นายสิทธิพร รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ JSP เปิดเผยว่า บริษัทจะทบทวนเป้าหมายรายได้ปีนี้ใหม่ในช่วงไตรมาส 2/59 คาดว่าจะสูงขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 60% มาที่ 5.1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.2 พันล้านบาท เนื่องจากอยู่ระหว่างจัดโครงสร้างผู้บริหารภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มจำนวนการโอนโครงการมากขึ้น ประกอบกับจะมีการรีแบรนด์ใหม่

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรในครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีโครงการที่จะทยอยโอนเข้ามามากในช่วงไตรมาส 3/59 และไตรมาส 4/59 ได้แก่ โครงการสำเพ็ง 2 ที่มียอดจองแล้ว 80-90% และคอนโดมิเนียมไมอามี่ บางปู ที่มียอดจองแล้ว 60-70% ซึ่งทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะมียอดจองเต็ม 100% ในช่วงสิ้นปีนี้

อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 3.8 พันล้านบาท และอีก 2 พันล้านบาทจะรับรู้ที่เหลือทั้งหมดในปี 61

ทั้งนี้ จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นบริษัทคาดว่ากำไรในปี 59 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ 701.94 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขายที่ดินในมืออีก 1 แปลง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา หลังจากไตรมาส 1/59 บริษัทขายที่ดินแปลงแรกให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปแล้วจำนวน 60 ไร่ และรับรู้เป็นรายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี

อีกทั้งบริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ในช่วงไตรมาส 4/59 ได้แก่ โครงการแนวราบ ย่านบางเสร่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเฟสแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/59 และ อีก 1 โครงการที่บางบัวทองเป็นบ้านแนวราบเช่นเดียวกัน มูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/59 เช่นเดียวกัน

โดยปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนโครงการแนวราบอยู่ที่ 70% และคอนโดมิเนียม 30% ซึ่งในอนาคตบริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบมากขึ้นอีก เนื่องจากมีความต้องการของลุกค้ามากขึ้น และโครงการแนวราบให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่สูงกว่าโครงการคอนโดมิเนียม

อย่างไรก็ดี บริษัทยังได้ปรับเพิ่มงบลงทุนไว้ที่ 5 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 4 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นไว้ใช้สำหรับค่าก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ราว 4 พันล้านบาท และอีก 1 พันล้านบาทใช้สำหรับจ่ายค่าที่ดินที่ได้วางมัดจำไว้ตั้งแต่ปีก่อน ส่วนปีนี้ยังไม่มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มเติม ขณะที่บริษัทมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนา 260 ไร่

สำหรับเงินลงทุนดังกล่าวมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และเงินที่ได้จากการกู้ยืมสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.1 เท่า และซึ่งนโยบายของบริษัทจะรักษาไว้ให้ไม่เกิน 2%ขณะเดียวกันบริษัทจะมีการออกหุ้นกู้อีก 800 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 2/59 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจาณาอายุหุ้นกู้และอัตราดอกเบี้ย จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 1.5 พันล้านบาท โดยวงเงินหุ้นกู้ส่วนที่เหลือจะพิจารณาออกอีกครั้งตามความเหมาะสม เพื่อใช้ลงทุนขยายธุรกิจ

นอกจากนี้บริษัทมีแผนเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบัน (Road show) โดยจะเริ่มในประเทศก่อนช่วงไตรมาส 4/59 ซึ่งเป็นการเดินสายโรดโชว์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เนื่องจากบริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เพื่อต้องการเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น JSP เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้น JSP ไม่ค่อนเคลื่อนไหว และบริษัทต้องการให้นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจมากขึ้น โดยอยู่ระหว่างการหารือกับ บล.เอเชีพลัส ซึ่งเป็น FA ให้กับบริษัทถึงแผนโรดโชว์ในครั้งนี้ คาดจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/59

Back to top button