TSTH ตั้งเป้าปี 59/60 ปริมาณขายเหล็กโต 10% ดีมานด์ในประเทศเพิ่ม
TSTH ตั้งเป้าปี 59/60 ปริมาณขายเหล็กโต 10% ดีมานด์ในประเทศเพิ่ม
นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือTSTH เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้างวดบัญชีปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) ปริมาณขายเหล็กโดยรวมจะเติบโต 10% จากงวดบัญชีปี 58/59 (เม.ย.58-มี.ค.59) ที่มีปริมาณขาย 1.145 ล้านตัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งการขายในประเทศและส่งออก ซึ่งปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตในประเทศมาจากภาครัฐเร่งเดินหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ
อย่างไรก็ตาม ในแง่รายได้รวมยังตอบยาก เพราะขึ้นกับราคาขายเหล็กด้วย แต่เบื้องต้นบริษัทมองแนวโน้มราคาขายเหล็กเกี่ยวพันกันทั่วโลก ซึ่งราคาน่าจะยังทรงตัวสูงในระดับปัจจุบันที่ 17,000-18,000 บาท/ตันไปอีก 2-3 เดือน จากนั้นในเดือน ส.ค.น่าจะขยับลง เพราะเป็นช่วงฤดูมรสุม ทั้งนี้ ราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาในเดือน ธ.ค.58 ที่อยู่ในระดับ 12,500-13,000 บาทต่อตัน ซึ่งยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับราคาช่วงเดียวกันของงวดปี 57/58 ที่ราคาขายอยู่ในระดับ 19,000-20,000 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ บริษัทมองความต้องการบริโภคเหล็กในประเทศโดยรวมปีนี้น่าจะเติบโต 5% มาที่ 17.8 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 16.7 ล้านตัน ได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ขณะที่การขยายตัวภาคก่อสร้างของกลุ่มอื่น ๆ ไม่ได้มีผลมากนัก
นายราจีฟ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทจะขยายตลาดใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเป็น 12-13% จากปีก่อนที่ 10% โดยเปิดตลาดใหม่ ในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย คาดว่าจะเริ่มพูดคุยกับลูกค้าได้ในเดือน มิ.ย.นี้ ขณะที่ตลาดส่งออกเดิม เช่น อินเดีย ปีนี้จะส่งออกเพิ่มเป็น 5-6 หมื่นตัน จาก 4 หมื่นตันปีก่อน ในอนาคตก็จะส่งไปเพิ่มขึ้นอีก โดยรวมปีนี้คาดส่งออกราว 1.3-1.4 แสนตัน ตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์
ขณะที่บริษัทจะขยายกำลังการผลิตเหล็กดัดและเหล็กตัดอีก 50% ในปีนี้ เป็น 9,000 ตัน/เดือน จาก 6,000 ตัน/เดือน เนื่องจากมียอดขายในกลุ่มสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมขออนุมัติงบลงทุนจากคณะกรรมการบริษัท คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ในเดือน ม.ค.-มี.ค.60 จากปัจจุบันเหล็กกลุ่มนี้มียอดขายที่ 6,000 ตัน/เดือน ซึ่งเต็มกำลังผลิต หลังขยายกำลังผลิตแล้วเบื้องต้นคาดขาย 7,000 ตัน/เดือน แต่ต้องขึ้นอยู่ที่ความต้องการด้วย
นอกจากนั้น ปีนี้บริษัทมีแผนเปิดคลังสินค้าแห่งใหม่ 2 แห่งภายใน 3-4 เดือนหน้านี้ ได้แก่ ภาคใต้ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และภาคอีสาน จ.นครพนม เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายช่วยเพิ่มยอดขาย โดยไม่ต้องลงทุนมากเพราะเป็นการเช่าพื้นที่