ดาวโจนส์ปิดลบ 91 จุด นักลงทุนกังวลเฟดขึ้นดบ.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ภายหลังจากที่เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมที่บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดได้ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ย


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (19 พ.ค.) ที่ 17,435.40 จุด ลดลง 91.22 จุด หรือ -0.52%, ดัชนี NASDAQ ปิดล่าสุดที่ 4,712.53 จุด ลดลง 26.59 จุด หรือ -0.56% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,040.04 จุด ลดลง 7.59 จุด หรือ -0.37%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย. โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

“กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเป็นตรงกันว่า หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ดีขึ้นในไตรมาส 2 รวมทั้งตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อเริ่มเคลื่อนไหวใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ในการประชุมเดือนมิ.ย.ก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม” รายงานการประชุมของเฟดระบุ

ด้านนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. เนื่องจากเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด นอกจากนี้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในฤดูร้อนนี้ ถ้าหากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปตามที่เฟดคาดการณ์ไว้

“ผมขอย้ำตามที่เจ้าหน้าที่เฟดรายอื่นได้กล่าวไว้ เดือนมิ.ย.นับเป็นเวลาเหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยจะขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวอย่างไร” เขากล่าว

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 278,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ค. หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ การที่ผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์

หุ้นวอลมาร์ททะยานขึ้น 9.6% หลังกำไรและรายได้ในไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยราคาหุ้นวอลมาร์ททะยานขึ้นทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2551 ส่วนหุ้นมอนซานโต บริษัทผลิตเมล็ดพืชที่ใหญ่ที่สุดของโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% หลังได้รับข้อเสนอควบกิจการจากไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี 

หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลดลง 3.3% และหุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลดลง 2.2%

Back to top button