หุ้นยุโรปปิดลบจากแรงขายกลุ่มเคมีภัณฑ์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ หลังจากไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ประกาศยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทมอนซานโตของสหรัฐ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังซบเซาลงหลังจากเจ้าหน้าที่เฟด ยังคงออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิด (23 พ.ค.) ที่ 336.69 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,325.10 จุด ลดลง 28.80 จุด หรือ -0.66%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,842.29 จุด ลดลง 73.73 จุด หรือ -0.74% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,136.43 จุด ลดลง 19.89 จุด หรือ -0.32%
หุ้นไบเออร์ร่วงลง 5.7% หลังจากไบเออร์ประกาศยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเมล็ดพืชรายใหญ่ของสหรัฐ ด้วยเงินสดมูลค่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 122 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ ข้อเสนอซื้อกิจการในครั้งนี้ยังต้องผ่านการอนุมัติจากทางการสหรัฐ เพื่อป้องกันการผูกขาดในธุรกิจ
หุ้นกลุ่มรถยนต์ถูกเทขายอย่างหนัก นำโดยหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิลส์ ดิ่งลง 4.4% หลังจากหนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เยอรมนีตั้งข้อสงสัยว่าเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิลส์ ใช้ซอฟท์แวร์ที่ผิดกฎหมายเพื่อโกงการทดสอบค่าปล่อยไอเสีย
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังคงออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเมื่อวานนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นกรีซพุ่งขึ้น 1.5% หลังจากที่รัฐสภากรีซได้อนุมัติแผนปฏิรูปภาษีและมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ด้วยคะแนนสนับสนุน 153 เสียง จากทั้งหมด 300 เสียง โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดทางสู่การรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่และชำระหนี้แก่กลุ่มเจ้าหนี้ตามกำหนดการในเดือนมิ.ย.นี้ ทั้งนี้ กรีซคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดประชุมครั้งต่อไปของยูโรกรุ๊ป