KC จนตรอก ขายที่ดิน 420.6 ลบ. ใช้หนี้
KC ตัดขายทรัพย์สินที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง-สิทธิพัฒนาที่ดิน 5 รายการ มูลค่ารวม 420.6 ลบ. เพื่อใช้หนี้-เพิ่มสภาพคล่อง
บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการขายสินทรัพย์ประเภทที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และสิทธิในการพัฒนาที่ดิน รวม 5 รายการ มูลค่ารวมรวม 420.6 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อนำเงินมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้พัฒนาโครงการอสังหาริมทัรพย์ที่มีศักยภาพอื่นต่อไป รวมถึงใช้ชำระคืนหนี้ด้วย
สำหรับการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าว ได้แก่ การจำหน่ายสิ่งปลูกสร้างและสิทธิในการพัฒนาที่ดิน ในโครงการรับจ้างก่อสร้าง 4 โครงการ มูลค่า 166 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เค.ซี.เนเชอรัลวิลล์ร่มเกล้า 2 ที่บริษัทเป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของบริษัท สุวรรณภูมิกรีน จำกัด ,โครงการเค.ซี. การ์เด้นโฮม 19 ที่บริษัทเป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของ บริษัท พรสวรรค์เรียลเอสเตท จำกัด , โครงการ เค.ซี. พาร์ควิลล์ 3 ที่บริษัทเป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของ บริษัท รามอินทรา คลัสเตอร์ เฮาส์ จำกัด และโครงการ เค.ซี. กรีนวิลล์ 1 ที่บริษัทเป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของ บริษัท อุดมสุขนิรันทร์ จำกัด
โดยการจำหน่ายที่ดินโครงการอาคารชุด บี.คอนโด (BE Condo) มูลค่ารวม 65 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดินจำนวน 3 โฉนด เนื้อที่ 4 ไร่ 1 งาน 19.9 ตารางวา ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
อีกทั้งการจำหน่ายที่ดินตั้งอยู่ด้านหลัง (ไม่ชิดเขต) โครงการ บีคอนโด โดยมีมูลค่ารวม 5 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดินเปล่าจำนวน 2 โฉนด เนื้อที่ 3 งาน 8 ตารางวา ที่ดินอยู่ที่ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และการจำหน่ายที่ดินจำนวน 1 โฉนด เนื้อที่ 11 ไร่ 0 งาน 10 ตารางวา สถานที่ตั้งอยู่ที่แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยมีมูลค่ารวม 14.6 ล้านบาท
สำหรับการแก้ไขสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโครงการ เค.ซี.ซิตี้พลัส สุวินทวงศ์ (ผดุงพันธ์) จำหน่ายที่ดินจำนวน 286 โฉนด เนื้อที่รวม 64 ไร่ 0 งาน 17.4 ตารางวา ที่ดินอยู่ที่ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยมีมูลค่ารวม 170 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทระบุว่าจะนำเงินบางส่วนที่ได้จากการขายสินทรัพย์ไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และบางส่วนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการดำเนินโครงการอื่นๆ ที่มีศักยภาพและมีความเหมาะสมต่อไป รวมถึงยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท