SET พรุ่งนี้แกว่งแคบ จับตาทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ
โบรกฯ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.) คาดว่าดัชนีจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบเช่นเดียวกับวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูปัจจัยที่ส่งผลไปสู่การพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยต้องติดตาม ได้แก่ การประกาศตัวเลข PMI ของสหรัฐฯและจีน
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยวันนี้ (31 พ.ค.) ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งแดนบวกและแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูความชัดเจนของโอกาสในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในเดือนมิถุนายนจะมีโอกาสปรับขึ้นหรือไม่
โดยจะต้องพิจารณา 2 ปัจจัยในสหรัฐฯ ได้แก่ การประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ และการประกาศตัวเลขการว่างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ตลาดยังรอดูปัจจัยของจีนประกอบการลงทุน คือ การประกาศตัวเลข PMI ของจีนในวันพรุ่งนี้
“ตอนนี้ตลาดรอดูปัจจัย 2 อย่าง คือ ตัวเลข PMI ของสหรัฐฯ และตัวเลขการว่างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่เป็นองค์ประกอบไปสู่การพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ภาพยังไม่ชัด ทำให้ดัชนีในช่วงนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ ซึ่งรวมไปถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียด้วย”นายศราวุธ กล่าว
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.) คาดว่าดัชนีจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบเช่นเดียวกับวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูปัจจัยที่ส่งผลไปสู่การพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยต้องติดตาม ได้แก่ การประกาศตัวเลข PMI ของสหรัฐฯและจีน
ช่วงนี้ภาพของตลาดหุ้นน่าจะแกว่งในกรอบแคบๆ อยู่ แต่ถ้าปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯออกมาชัดเจนแล้ว และตัวเลขที่เป็นองค์ประกอบนั้นออกมาดี ก็มีแนวโน้มที่ตลาดจะเชื่อว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อตลาด พร้อมให้แนวต้าน 1,433 จุด แนวรับ 1,422 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
CPALL ปิดที่ 49.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
PTT ปิดที่ 301.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
EGCO ปิดที่ 186.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTEP ปิดที่ 77.75 บาท ลดลง 2.50 บาท
AOT ปิดที่ 396.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท