ดอลล์อ่อนค่าหลังข้อมูลชี้เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำกว่าเป้า
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐยังต่ำกว่าเป้าหมายขอเฟด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (31 พ.ค.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1139 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1114 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.4477 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4608 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7178 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 110.54 เยน จากระดับ 110.43 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9930 ฟรังก์ จากระดับ 0.9944 ฟรังก์ ขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3132 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3038 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์มองว่า ข้อมูลเงินเฟ้อดังกล่าวยังห่างไกลจากเป้าหมายของเฟด และอาจจะไม่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนเม.ย. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ ซึ่งหากตัวเลขจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง ก็จะหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนหน้า