CHOW มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร ตั้งเป้ารายได้โต 50% เตรียมดันบ.ลูกเข้าเทรด

CHOW คาดงบ Q2 โต 20% มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร ตั้งเป้ารายได้โต 50% มาที่ 3-4 พันลบ. เก็งปริมาณขายเหล็กปีนี้ 1.7 แสนตัน คาดสิ้นปีนี้ COD พลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 28MW เผยมีงานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าในมือ 4 พันลบ.ทยอยรับรู้ Q2/59-Q2/60 พร้อมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในฟิลิปปินส์ หลังเซ็นสัญญาก่อสร้างไว้ 390MW คาดยื่นไฟลิ่ง"เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่"ใน Q3/59 มั่นใจเข้าเทรดทันปีนี้ เตรียมออกหุ้นกู้ 2 พันลบ.ปลายปี 59 รองรับขยายงาน-รีไฟแนนซ์


นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อนราว 20% และใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 จากปริมาณการขายเหล็กเพิ่มขึ้น โดยไตรมาสแรกขายเหล็กได้ 700-800 ล้านบาท และยังเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงาน

“แนวโน้มไตรมาส 2 ทั้งรายได้กำไรจะสูงกว่าไตรมาส 2/58 เพราะมีรายได้จากการขายเหล็กและขายไฟด้วย ซึ่งมีหลายช่องทางมากขึ้น และปีนี้ทั้งปีพลิกเป็นกำไรแน่นอนเพราะไตรมาส 1 ก็เป็นกำไรแล้ว 48 ล้านบาท และปีนี้รับรู้รายได้ธุรกิจไฟฟ้า 23 เมกะวัตต์เต็มปี”นายอนาวิล กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณขายเหล็กแล้ว 8 หมื่นตัน และยังมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในมืออีก 20,000 ตัน ซึ่งจะเริ่มส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ภายในไตรมาส 2/59

โดยบริษัทมั่นใจผลประกอบการปี 59 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิจากปีก่อนขาดทุน ซึ่งไตรมาส 1/59 มีกำไรแล้ว โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 50% มาที่ 3-4 พันล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 2.4 พันล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวมราว 23 เมกะวัตต์เข้ามาเป็นปีแรก ซึ่งรายได้จากธุรกิจพลังงานจะคิดเป็นสัดส่วนราว 50% ของรายได้รวมในปีนี้

ทั้งนี้ ธุรกิจพลังงานทดแทนจะแบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น 50 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 5 พันล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปีนี้ 25 เมกะวัตต์ และจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ 5 เมกะวัตต์ เมื่อรวมกับ COD เดิม 23 เมกะวัตต์ที่รับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 1/59 จะทำให้ ณ สิ้นปีนี้จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้วรวม 28 เมกะวัตต์ ส่วนอีก 45 เมกะวัตต์คาดว่าก่อสร้างเสร็จและ COD ได้ทั้งหมดในสิ้นปี 60 ซึ่งก็จะทำให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ COD ทั้งหมดเพิ่มเป็น 75 เมกะวัตต์

โดยโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองดิวากิ 27 เมกะวัตต์ ฮาวาดะ 12 เมกะวัตต์ และ ฟุกุริ 10 เมกะวัตต์สำหรับแหล่งเงินทุน 5,000 ล้านบาท มาจากส่วนทุน 1,000 ล้านบาท และเงินกู้โครงการ 4,000 ล้านบาท โดยกู้จากสถาบันการเงินในญี่ปุ่นและธนาคารพาณิชย์ไทยที่ไปทำธุรกิจในญี่ปุ่น เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

ด้านธุรกิจเหล็กซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของบริษัท โดยปีนี้ตั้งเป้าปริมาณขาย 1.5-1.8 แสนตัน เติบโตจากปีก่อนที่มีปริมาณขาย 8 หมื่นตัน เนื่องจากปีนี้ไม่มีซัพพลายจากจีน ส่งผลให้ตลาดบริโภคเหล็กที่ผลิตจากภายในประเทศเพื่อการก่อสร้าง ประกอบกับราคาขายเหล็กมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ 14.70 บาท/ก.ก.จากไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 13.5 บาท/ก.ก

รวมทั้ง บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า (EPC) ซึ่งปัจจุบันได้งานแล้วในญี่ปุ่นทั้งหมดมูลค่า 1.2 หมื่นล้านเยน หรือคิดเป็น 4 พันล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 ถึงไตรมาส 2/60 โดยไตรมาส 2/59 จะรับรู้รายได้เข้ามาราว 600-700 ล้านเยน เพราะเป็นช่วงเริ่มต้น แต่จะไปรับรู้ค่อนข้าวมากตั้งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจขายอุปกรณ์แผงโซลาร์ วัสกดุก่อสร้าง และการพัฒนาโครงการเพื่อขายด้วย

นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างไว้ 390 เมกะวัตต์ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทอนุมัติลงทุนในเฟสแรก 25 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 1 พันล้านบาท ที่เหลืออาจพัฒนาและขายให้กับผู้ประกอบการรายอื่น แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ เพราะรัฐบาลชุดเดิมกำหนดว่าบริษัทต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 40% ยกเว้นเป็นบริษัทจากสหรัฐฯ ซึ่งก็รอดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อนี้หรือไม่

ขณะที่บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่วงเงิน 2 พันล้านบาทในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเพื่อระดมเงินมาใช้รีไฟแนนซ์หนี้เดิมหรือรองรับการก่อสร้างในญี่ปุ่นด้วย จากก่อนหน้านี้บริษัทออกหุ้นกู้ไปแล้ว 2,000 ล้านบาท จากทั้งหมดที่คณะกรรมการบริษัทกำหนดไว้ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด หรือ CE ซึ่งเป็นบริษัทลูก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ต้นไตรมาส 3/59 และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาด mai ได้ทันภายในปี 59  โดย CHOW ถือหุ้น 90.83% หลัง IPO เหลือถือหุ้นเหลือ 68% ซึ่งจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 380 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท มี บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

Back to top button