A เพิ่มเป้ายอดขายปีนี้แตะหมื่นลบ. รับโครงการใหม่หนุน
A คาด Q2 รายได้โตกว่า 1.15 พันลบ. เพิ่มเป้ายอดขายปีนี้แตะหมื่นลบ. จากเดิม 7 พันลบ. รับ 12 โครงการใหม่หนุน มองตลาดกลุ่มทาวน์เฮ้าส์-บ้านแฝดยังโต ลั่นเป้ากำไรปีนี้ใกล้เคียงกับ Q1/59 ที่ทำได้ 5.46% เตรียมร่วมลงทุนอสังหาฯ เพิ่ม
นายอาณัติ ปิ่นรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ A เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/59 ในส่วนของรายได้จะเติบโตได้มากกว่าระดับ 1.15 พันล้านบาท จากยอดโอนที่เพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของกำไรยังต้องรอลุ้น เนื่องจากอาจจะต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายบางรายการเพื่อที่จะให้กำไรไตรมาสที่เหลือมีศักยภาพที่ดี
โดยล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครงการ “เดอะ เพลส ไทรน้อย” มูลค่าโครงการ 481 ล้านบาท ทั้งหมด 323 ยูนิต เป็นโครงการทาวโฮม 2 ชั้น ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท/ยูนิต เปิดขายในช่วงเดือน ส.ค.และคาดว่าเริ่มโอนได้ในช่วงไตรมาส 4/59
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท จากแผนเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 6 โครงการ มูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝด ที่บริษัทมีความเชียวชาญ ขณะที่ตลาดยังเติบโตและมีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ส่วนกลุ่มคอนโดมิเนียมจะเติบโตได้เล็กน้อยและกลุ่มบ้านเดี่ยวมองว่าไม่เติบโต โดยการปรับเป้าหมายยอดขายดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเมื่อเดือน มี.ค.ที่บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ระดับ 7 พันล้านบาท
ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีนี้ยังคงอยู่ที่ระดับ 7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5.45 พันล้านบาทในปีที่แล้ว โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ราว 2.30 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 1.5 พันล้านบาท และบริษัทยังมีสต็อกเหลือขายอีกราว 3.5 พันล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ 600 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการหาที่ดินในพื้นที่ที่บริษัทมีความชำนาญ คือ ลำลูกกา ไทรน้อย และรังสิต เพื่อรองรับการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง
ด้านอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยทั้งปีนี้คาดว่าจะคงอยู่ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/59 ที่ทำได้ 5.46% เพิ่มขึ้นจากอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยในปีก่อนที่อยู่ระดับ 3.97% เป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุนและปรับเพิ่มขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัยของแต่ละโครงการให้มีความเหมาะสมมากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วปรับขึ้นมาราว 3%
“ปีนี้บริษัทยังค่อนข้างมั่นใจว่าจะเติบโตได้ค่อนข้างดี เพราะเรามีความเชี่ยวชาญในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่คงจะเติบโตไม่มากนัก เพราะปัจจุบันสถาบันทางการเงินค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นมาอยู่ที่ 30% จากระดับปกติที่ 20-25% ในส่วนนี้เราก็คงจะทำอะไรไม่ได้ และก็ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด แต่ในส่วนของเรื่องภัยแล้งเรากังวลมากกว่า เพราะส่วนนี้คงเป็นผลกระทบหลักๆ ที่เราเจอ”นายอาณัติ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเจรจาเพื่อที่จะเข้าร่วมลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ ได้เพิ่มเติม
รวมทั้ง ยังพิจารณาจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากปัจจุบันที่ยังเหลือวงเงินในการออกหุ้นกู้ได้อีก 1.50-1.60 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างรอให้อัตราดอกเบี้ยมีความเหมาะสมก่อน ซึ่งการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อเป็นการนำไปทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะหมดอายุในเดือน ต.ค.59 ที่มีมูลค่า 1 พันล้านบาท