GUNKUL จ่อเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้ หลัง Backlog แตะ1.5-2พันลบ. ลุยซื้อโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นเพิ่ม
GUNKUL จ่อเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้จากเดิมคาดโตไม่ต่ำกว่า 5.80 พันลบ. หลังมี Backlog แตะ 1.5-2 พันลบ. รับรู้ปีนี้ 66% เผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นเพิ่ม คาดปี 59 มีกำลังผลิตในญี่ปุ่น125MW จากปัจจุบัน 75MW พร้อมตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 200MW ในปีหน้า
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทกันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาขน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มในเดือนส.ค.59 จากเดิมคาดเติบโตราว 30% หรือไม่ต่ำกว่า 5.80 พันล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 4.87 พันล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มีงานในมือ (Backlog) ที่ระดับ 1.5-2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่ราว 60% จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในไตรมาส 1/60 และอยู่ระหว่างการเข้าไปรับเหมาก่อสร้าง (EPC) งานโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์หลายแห่ง ซึ่งจะรู้ผลสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ เบื้องต้นคาดหวังได้งาน 1.5-2 พันล้านบาท
“บริษัทเตรียมปรับเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้น จากงานที่เข้ามามากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ โดยมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสแรก เพราะงานมีออกมาน้อย อย่างไรก็ตามในปี 60 เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจพลังงานลมและพลังงานทดแทนจะเข้ามามากขึ้น และจะทำให้ปี 61 สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนไปเป็นโรงไฟฟ้า 50% งานรับเหมา 50% จากปัจจุบันงานรับเหมาอยู่ที่ 60-65% ส่วนโรงไฟฟ้าอยู่ที่ 35-40%”นายสมบูรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่นเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งจะทำให้ภายในปีนี้จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่นอยู่ที่ 125 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 75 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายภายในปี 60 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่นไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์
นอกจากนี้กรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กพพ.) จะรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT ระยะที่ 1 ประเภทชีวมวลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย และ อำเภอนาทวี โดยจะเปิดให้ยื่นแบบเสนอขายไฟฟ้าวันที่ 15-30 มิ.ย.59 นั้น บริษัทก็จะยื่นเข้าร่วมโครงการประมูลดังกล่าว คาดจะทราบผลได้ภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เจรจากับโรงไม้เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับโรงไฟฟ้าแล้ว
สำหรับงบลงทุนปีนี้จะใช้ลงทุนราว 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนพลังงานลม 2 โครงการ โครงการละ 5 พันล้านบาท และโครงการโซลาร์ฟาร์ม ที่ประเทศญี่ปุ่น ใช้เงินลงทุนประมาณ 7.50 พันล้านบาท โดยเงินที่จะนำมาใช้ลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และเงินที่ได้จากการขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 4.50 พันล้านบาท และการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน รวมถึงบริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ในวงเงิน 4 พันล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และขยายธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะการลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น