ดอลล์แข็งค่าหลังดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯฟื้นตัว

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนพ.ค. ในขณะที่นักลงทุนได้ซึมซับการปรับลดมุมมองเศรษฐกิจของเฟดแล้ว


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (16 มิ.ย.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1239 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1267 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4233 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4170 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะระดับ 0.7371 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7419 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 104.38 เยน จากระดับ 105.76 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9647 ฟรังก์ จากระดับ 0.9614 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2941 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2907 ดอลลาร์แคนาดา

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค.เช่นกัน นักลงทุนได้ซึมซับแถลงการณ์ของเฟดที่ระบุว่า การจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนชะลอตัวลง โดยเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากระดับ 2.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.

นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะแถลงเกี่ยวกับนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันอังคารหน้า และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธหน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

Back to top button