MAX ปรับทัพดึง “รศ.ดร.อิทธิชัย อรุณศรีแสงไชย” ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานร่วมบริหาร
MAX ปรับทัพดึง "รศ.ดร.อิทธิชัย อรุณศรีแสงไชย" มือฉมังด้านไฟฟ้า-พลังงานร่วมบริหาร
นายสมยศ นาคมั่น กรรมการบริษัท แมกซ์ เมทัลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2559 มีมติแต่งตั้งอนุมัติ รศ.ดร. อิทธิชัย อรุณศรีแสงไชย เข้าเป็นกรรมการบริษัท พร้อมทั้งแต่งตั้งให้เข้าดำรงแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทนนายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ที่ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย มีเสน เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ แทนนายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ แต่งตั้งนายธนุ สุขบำเพิง เข้าดำรงตำแหน่ง กรรมการบริษัท แทนนายฐากร ทวีศรี และแต่งตั้ง พันเอก บุญชัย เกษตรตระการ จากเดิมดำรงตำแหน่ง กรรมการบริษัท ให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2559 เป็นต้นไป
สำหรับ รศ.ดร. อิทธิชัย อรุณศรีแสงไชย ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายด้านโดยเฉพาะด้านไฟฟ้าและพลังงาน จึงมีความเหมาะสมในการเข้ามาบริหารงานของบริษัท ที่กำลังมีแผนจะขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงาน เนื่องจากเคยมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิชาการกับองค์กรที่สำคัญหลายแห่ง ดังนั้นจึงมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนแผนธุรกิจด้านพลังงาน ในโครงการต่างๆ ที่บริษัทกำลังเจรจาอยู่ เช่น โรงไฟฟ้า SPP จำนวน 1-3 โรง กำลังการผลิตไฟฟ้าโรงละไม่เกิน 120 MW ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ค. 2559 อีกทั้งยังมีแผนที่ขยายไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสร้างผลประกอบการของบริษัทให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
ส่วนสาเหตุที่ นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ลาออกจากตำหน่งกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนื่องจาก MAX มีโอกาสขยายไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยนายขจรศิษฐ์ ปัจจุบันเป็น ผู้บริหารบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งมีแผนจะระดมทุนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนกับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จึงเห็นว่าเป็นธุรกิจเป็นลักษณะเดียวกันจึงไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งในการบริหารธุกิจ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ รศ.ดร.อิทธิชัย อรุณศรีแสงไชย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถเข้าดำรงค์ตำแหน่งแทน อย่างไรก็ดี นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MAX ในสัดส่วนจำนวน 26.45% ดังนั้นการลาออกของนายขจรศิษฐ์ รวมถึงกรรมการท่านอื่นๆ ในครั้งนี้จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด