SVI ชี้ผล Brexit กระทบน้อย เหตุสัดส่วนการส่งสินค้าไปอังกฤษมีเพียง 5%

SVI ชี้ผล Brexit กระทบน้อย เหตุสัดส่วนการส่งสินค้าไปอังกฤษมีเพียง4-5% คาดยอดขาย Q2/59 สูงกว่า Q1/59 พร้อมคงเป้ารายได้ปีนี้โต 25-30% จากปีก่อน หลังซื้อกิจการกลุ่มบริษัท Seidel Electronics


แหล่งข่าวจากบริษัทเอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI เปิดเผยว่า กรณีสหราชอาณาจักรได้ลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (อียู) นั้น ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มากนัก แม้จะมีการส่งออกสินค้าไปยุโรปในสัดส่วนมากถึง 60% ก็ตาม แต่ความต้องการใช้สินค้าของบริษัทนับว่ามีอยู่ทั่วโลก อีกทั้งลูกค้าที่อยู่ในยุโรปอาจส่งสินค้าต่อไปยังจีน อินเดีย และที่อื่นๆ โดยในส่วนที่ส่งออกไปยุโรปเป็นการส่งสินค้าไปอังกฤษราว 4-5%

สำหรับแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะสูงกว่าไตรมาส 1/59 ที่รายได้ 2,166 ล้านบาท เพราะไตรมาส 1/59 มีปัญหาภายในเรื่องอุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพ แต่ไตรมาส 2 ได้รับการแก้ไขแล้วยอดขายก็เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่างวดเดียวกันปีก่อน เพราะงวดเดียวกันปีก่อนมีปริมาณงานในมือ (Backlog) จำนวนมาก

ทั้งนี้ มองว่ายอดขายในครึ่งปีหลังจะมากกว่าครึ่งปีแรกเพราะปัญหาเรื่องอุปกรณ์ตรวจสอบน่าจะจบแล้ว และการผลิตจะกลับมาฟื้นตัวเต็มประสิทธิภาพในไตรมาส 3 และยอดขายจากที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการในยุโรปเข้ามาหนุน ซึ่งคำสั่งซื้อก็มีเข้ามาเรื่อยๆ จึงมั่นใจว่าทั้งปีน่าจะได้ตามเป้า

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายปีนี้เติบโตประมาณ 25-30% จากปี 58 ที่ยอดขายสกุลเงินบาทที่ 9,864 ล้านบาท เป็นผลจากการที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของกลุ่มบริษัท Seidel Electronics ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ที่สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศฮังการี เมื่อเดือนก.พ.59 ซึ่งการควบรวมกิจการกับ Seidel จะช่วยสนับสนุนธุรกิจของบริษัทในระยะยาว ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ทยอยรับรู้รายได้แล้ว

โดยการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นราว 20-30% ของยอดขายรวมในปีก่อน เพราะ Seidel มีโรงงานผลิตใน 3 ประเทศดังกล่าวจะช่วยรองรับการขยายตัวของบริษัทไปในตลาดประเทศยุโรปได้ ส่วนจะหาซื้อกิจการในยุโรปเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น เห็นว่าในระยะเวลา 2-3 ปีนี้คงจะยังมีการศึกษาอยู่ต่อเนื่อง

ขณะที่ ในปีนี้บริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้ว 800-1,000 ล้านบาท สำหรับซื้อกิจการและเครื่องจักรใหม่ ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จะไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ๆ แล้ว เหลือเพียงงบลงทุนปรับปรุง และซ่อมแซมเครื่องจักรตามปกติ ซึ่งปัจจุบันใช้กำลังการผลิตจริงราว 60-70%

Back to top button