น้ำมันดิบปิดร่วง วิตก Brexit กระทบอุปสงค์พลังงาน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบของ Brexit นั้น จะทำให้อุปสงค์พลังงานอ่อนแรงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ไนจีเรียและซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.39 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิด (5 ก.ค.) ที่ 46.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 47.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวผลกระทบของ Brexit ที่จะมีต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 1.0% ในเดือนพ.ค. เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในภาคการขนส่ง และสินค้าทุน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังเป็นอย่างซบเซาหลังจากมีรายงาว่า ไนจีเรียผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ยในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 1.53 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 90,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนพ.ค. ขณะที่ซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 70,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 10.33 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนที่ผ่านมา