ค่าเงินปอนด์ร่วงหลังความเสี่ยง Brexit เริ่มก่อตัว
สกุลเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงินเมื่อวานนี้ว่า เสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (5 ก.ค.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1072 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1121 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.3024 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3258 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.7460 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7485 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 101.54 เยน จากระดับ 102.53 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9769 ฟรังก์ จากระดับ 0.9751 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2990 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2902 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลังจาก BoE เปิดเผยรายงานเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปีเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการเปิดเผยรายงานครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว รายงานของ BoE ระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
“จะมีช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน และการปรับเปลี่ยน หลังการลงประชามติ โดยสหราชอาณาจักรต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ขณะที่จะเกิดความผันผวนต่อเศรษฐกิจ และตลาดในช่วงที่กระบวนการดังกล่าวดำเนินไป” รายงานของ BoE ระบุ
ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27 ก.ค.