สวยแต่รูป (ยัง)จูบไม่หอมโมนิก้าและทีมงาน
*เพิ่งเม้าท์ถึง "หัวทองจัดเต็ม" ไปหยกๆ ล่าสุดโผล่เก็บหุ้นเข้าพอร์ตอีกกว่า 4.54 พันล้านบาท รวมกันเฉพาะแค่เดือนกรกฎาคม ฝรั่งหัวทองซื้อไปทั้งสิ้น 1.41 หมื่นล้านบาท พร้อมกับทำให้ดัชนีสามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง แถมยังขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,480 จุดได้อีกเป็นบางจังหวะ ก่อนจะปิดที่ 1,477.61 จุด บวกไป 2.69 จุด ด้วยมูลค่า 7.61 หมื่นล้านบาท "โมนิก้า" ถือเป็นจังหวะขาขึ้นและเชื่อว่า 1,500 จุด อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนะเจ้าคะ
*เพิ่งเม้าท์ถึง “หัวทองจัดเต็ม” ไปหยกๆ ล่าสุดโผล่เก็บหุ้นเข้าพอร์ตอีกกว่า 4.54 พันล้านบาท รวมกันเฉพาะแค่เดือนกรกฎาคม ฝรั่งหัวทองซื้อไปทั้งสิ้น 1.41 หมื่นล้านบาท พร้อมกับทำให้ดัชนีสามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง แถมยังขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,480 จุดได้อีกเป็นบางจังหวะ ก่อนจะปิดที่ 1,477.61 จุด บวกไป 2.69 จุด ด้วยมูลค่า 7.61 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะขาขึ้นและเชื่อว่า 1,500 จุด อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนะเจ้าคะ
*เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีรอบนี้ขึ้นอยู่กับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติล้วนๆ จากมาตรการทางการเงินที่หลายธนาคารกลางในเมืองนอกเมืองนาเตรียมการจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อรองรับ BREXIT “โมนิก้า” จึงอยากเตือนมิตรรักแฟนเพลงว่า อย่าเทรดอย่างเพลิดเพลินจนเกินไปนะจ๊ะ แม้ว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้ามารอบนี้เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันหุ้นไทย แต่ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจภายในนี่สิแลดูจะไม่ “ซัพพอร์ต” การปรับตัวขึ้นเท่าไหร่นัก เม็ดเงินไหลเข้ามาเร็วได้ก็ออกไปเร็วได้เหมือนกัน…รักนะ...จุ๊บ จุ๊บ
*เปิดหัวเม้าท์ถึง DTAC กันหน่อย หลังงบ Q2 ออกมาอย่างเห่ย กำไรลดลง 90% เหลือแค่ 141 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นดันแข็งตัว แถมวิ่งสวนทางขึ้นมาปิดที่ 32 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.79% ด้วยมูลค่า 1.15 พันล้านบาท มิหนำซ้ำพอได้ยินถึงสาเหตุที่กำไรลดฮวบฮาบ ขนแขน “โมนิก้า” ถึงกับสแตนด์อัพแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วแบบนี้จะไม่ให้รู้สึกงงงวยได้ไงล่ะคะ
*พูดถึงทั้งที ตัวการหลักที่กำไรของ DTAC ลดลงเที่ยวนี้กว่า 1.24 พันล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนค่าอุดหนุนเครื่องเพื่อฉุดรั้งลูกค้าเดิม แต่ถึงแม้ออกตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มขนาดนี้แล้วก็ตามเถอะ ก็ยังมิวายเสียลูกค้าบางส่วนไปอยู่ดี แถมงานนี้ยังต้องควักเงินอีกร่วม 400 ล้านบาทเพื่อชดเชยให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งตัวเลขออกมาสูงขนาดนี้ สงสัยกระแสข่าวเรื่องเตรียมโละคนทิ้ง 40% ดูเริ่มจะมีเค้าร่างขึ้นบ้างแล้วล่ะ จริงเท็จประการใด คุณน้อง “อรอุมา” พิมพ์ไลน์มาบอกเดี๊ยนด้วยนะฮ้า…แต่รู้แบบนี้แล้ว ถามหน่อย ยังเล่นไหวเหรอคะเฮีย?
*มาในรายของ “หุ้นเปิดฟ้าท้าดาว” อย่าง STAR กันบ้าง ล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.45 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.67% ด้วยมูลค่า 120.11 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะน่าตามกระแสเข้าไปลองติ๊ดชึ่งดูอีกสัก 2-3 ยก เพราะผ่านการถูกเข้าประตูหลัง (Backdoor) อย่างเป็นทางการมาได้ไม่กี่วัน แถมวอลุ่มเพิ่งเริ่มเข้าอย่างหนาแน่นแบบจริงๆ จังๆ วานนี้ มั่นใจว่ารอบคงยังไม่จบง่ายๆ หากใครใจถึงอยากลองดูสักตั้ง ก็ขอให้เคร่งครัดเรื่องวินัยกันด้วยเพราะหุ้นตัวนี้เคลื่อนไหวเร็วปานจรวดนาซ่า แล้วอย่าหาว่า “อีโม” ไม่เตือน…จริงไหมคะ อาจารย์ ป.?
*สะดุดตากับ HPT จู่ๆ ราคาหุ้นก็ลากมาปิดที่ 1.25 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือ 4.17% ด้วยมูลค่า 49.48 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นอยู่แถวๆ 1.20 บาท ไม่ขยับไปไหนไกลสักที แต่วันนี้กลับร้อนแรงขึ้นมาซะยังงั้น แบบนี้เดี๊ยนว่าต้องมีนัยสำคัญในการเข้ามาเก็งกำไร เพราะเลียบๆ เคียงๆ ไปที่ผู้บริหารคาดงบ Q2/59 จะออกมาสดใส แถมการันตีครึ่งปีหลังแรงดีไม่มีตก ฟังแบบนี้แล้วเห็นทีหุ้นวันนี้น่าจะไปต่อได้อีกรึเปล่า?
*แวะมาดูหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯวานนี้เทรดกันสนั่นเมือง เรียงหน้ากันมาทั้ง STEC ITD NWR PYLON และ SEAFCO หลัง ครม.ไฟเขียวตั้ง Thailand Future Fund วงเงิน 1 แสนลบ. พร้อมประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 2-3% เพื่อเป็นแหล่งเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ พร้อมเปิดขายหน่วยลงทุนช่วงปลายปีนี้ ยังไงคนที่ยังไม่มีหุ้นกลุ่มนี้ รู้แล้วก็รีบสอยด่วน เดี๋ยวจะหาว่า “โมนิก้า” ไม่บอกนะจ๊ะ!
*โดยเฉพาะในราย STEC ที่นักวิเคราะห์ต่างเทใจเชียร์นักเชียร์หนา วานนี้เลยมาปิดที่ 25 บาท บวก 1.40 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 6% ไม่ต้องแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ราคาอ่อนตัวมาเยอะ อีกทั้งพื้นฐานบริษัทแน่นเปรี๊ยะ! แถมมีความได้เปรียบคู่แข่งในการเข้าประมูลงานภาครัฐ ยิ่งมองเทคนิค มีลุ้นไปต่อ ใครที่ไม่อยากพลาดโอกาสทองเก็บด่วนนะคะ
*ส่วนของSAWAD บวกทะลุทะลวง ปิดที่ 35.25 บาท บวกไป 1.50 หรือ 4.44% ด้วยมูลค่า 798.52 ล้านบาท ใครจะเก็บก็รีบเก็บนะเจ้าคะ เพราะ “ของเค้าดีจริง” ธุรกิจก็ไปได้สวยแถมงบ Q2/59 ก็มีแววรุ่ง แว่วมาว่าจะเติบโตเกือบ 50% จากปีก่อน แถมราคาเป้าหมายก็สูงปรี๊ดแตะ 53.50 บาทโน่นแหนะ ส่วนใครที่ไม่กล้าเข้าลงทุนเพราะประเด็นพ.ร.บ.ทวงหนี้ฉบับใหม่นั้น เดี๊ยนของบอกไว้เลยนะเจ้าคะว่า “ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย”
*ปิดท้ายที่BDMS รูดกว่า 3% โดยราคาหุ้นปิดที่ 22.70 บาท ลบไป 0.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.45 พันล้านบาท หลังมีข่าวลือว่ารายใหญ่ทิ้งหุ้นเกลี้ยงพอร์ต เอ๊ะ! หรือว่างานนี้จะเกี่ยวข้องกับฟุตบอลยูโรและเคเบิลทีวีรึเปล่า? “โมนิก้า” ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด ก็ต้องรอการชี้แจงแล้วกันจ้า…