ดาวร่วง…ที่แพงเกินแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

หุ้นของ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STAR ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์รายเล็กมากที่ไม่ยอมโตมาหลายปีแล้ว หยุดเทรดมาตั้งแต่ ผู้บริหารบริษัททำเรื่องขอขึ้น SP ในระหว่างวันที่ 8 -11 กรกฎาคม เพื่อหยุดเทรด กลับมาเทรดใหม่จันทร์ที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมแจ้งข้อมูลสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างถือหุ้น


หุ้นของ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STAR ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์รายเล็กมากที่ไม่ยอมโตมาหลายปีแล้ว หยุดเทรดมาตั้งแต่ ผู้บริหารบริษัททำเรื่องขอขึ้น SP  ในระหว่างวันที่ 8 -11 กรกฎาคม เพื่อหยุดเทรด กลับมาเทรดใหม่จันทร์ที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมแจ้งข้อมูลสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างถือหุ้น

ข่าวที่ออกมา และการปลดล็อกให้กลับมาเทรดใหม่ ทำให้ราคาที่กลับมาเทรด พุ่งชนเพดาน 30% ที่ระดับ 7.00 บาท ภายในเวลาไม่กี่นาที ทำให้ซื้อขายกันได้ไม่มากนัก

เมื่อวานนี้อันเป็นวันที่สองที่กลับมาเทรด สถานการณ์เมื่อเปิดตลาดก็เป็นไปตามคาด ราคากระโดดขึ้นเกือบชนเพดานเหมือนเคยวันก่อนที่ 8.35 บาท แต่แรงขายที่ออกมา ทำให้ราคาโรยตัวลงมาต่อเนื่อง ท้ายสุดปิดตลาดลงที่ 7.45 บาท

คำถามก็คือ ราคาที่ซื้อขายกันในตลาดยามนี้เป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่ เมื่อเทียบกับบุ๊กแวลู ที่ต่ำติดพื้นเพียงแค่ 0.04 บาทเท่านั้น

ที่ต้องพูดถึงราคาที่เหมาะสมของราคาหุ้น STAR ก็เพราะว่า ในการซื้อขายเพื่อเทกโอเวอร์เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่รายเก่าไปใหม่นั้น มีการตีค่าราคาหุ้น STAR ไว้ที่ แค่เพียง 1.30 บาท (โดยที่รวมเอาการเพิ่มทุนครั้งใหญ่ด้วย)

ชะตากรรมของ STAR นั้น เป็นไปตามกฎธรรมชาติของธุรกิจ เนื่องจากการขาดทุนต่อเนื่อง หากนับจากตัวเลขงบการเงินปี 2555 เป็นต้นมา จะเห็นได้ชัดว่าถดถอยมาโดยตลอด (ดูงบการเงินประกอบ) แม้ว่ารายได้จะลดลงไม่มาก แต่การขาดทุนสุทธิที่ร้ายแรง ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อสิ้นงวดไตรมาสแรกปีนี้เหลือเพียงแค่ 5.65 ล้านบาท

ฐานะทางการเงินของ STAR ที่มียอดหนี้สินรวมต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูงถึง 76.8 เท่า เช่นนี้ ต้องเพิ่มทุนอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่  ซึ่งตามโครงสร้างถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนไม่มากนัก ก็ดูเหมือนจะถอดใจไม่อยากลงขันเอาเงินมาสมทบต่อไปในอนาคต …อาจจะเพราะหมดใจ หรือ เพราะเหตุอื่นๆ…ก็ตัดสินใจทิ้งกิจการ หาคนมารับช่วงต่อในที่สุดคือกลุ่มของนายวัลลภ ยังตรง ในนามของบริษัท ไทยฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด (TFEH) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งธรรมดา

วิศวกรรมการเงินแบบ “เทกโอเวอร์ย้อนศร” (reversed takeover) จึงเกิดขึ้นอย่างที่ได้เห็นกัน

คณะกรรมการ STAR เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ได้มีมติอนุมัติให้ซื้อหุ้นของ TFEH จำนวน 8,170,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็น 100% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TFEH จากกลุ่มของนายวัลลภ ยังตรง และผู้ถือหุ้นรายอื่นของ TFEH

พร้อมกันนั้น STAR ก็เพิ่มทุนจำนวน 1,750,000,111 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.70 บาท เพื่อเสนอขายแบบ PP ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท แต่ไม่ได้ขายเป็นเงินสด หากเอาไปตีราคาแลกหุ้นกับ TFEH โดยการเปรียบเทียบมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ซึงที่ปรึกษาทางการเงินเห็นชอบแล้ว ในอัตราส่วนแลกเปลี่ยนหุ้น TFEH  1 หุ้น ต่อหุ้นของ STAR  214.1983 หุ้น

ผลพวงการแลกหุ้น ทำให้ TFEH กลายเป็นผู้ถือหุ้น 91.18%ใน STAR เหลือให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ เพียงแค่ 8% เศษเท่านั้น ซึ่งตามเงื่อนไข TFEH จะต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ในราคา 1.30 บาทจากผู้ถือหุ้นอื่นๆ

การเทกโอเวอร์ย้อนศร STAR เช่นนี้ ไม่ต้องใช้เงินสดเลย และผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิม ก็ไม่ได้เงินติดมือกลับออกไปแม้แต่บาทเดียวเช่นกัน

ผู้แพ้ในเกมธุรกิจ ย่อมไม่มีสิทธิต่อรองใดๆ..แม้กระทั่งเงินทอนเล็กๆ น้อยๆ

เหลือทิ้งไว้แต่โจทย์สำหรับอนาคตข้อเดียวคือ จะฟื้นคืนกำไรกลับมาได้เมื่อใด และเท่าใด

 เรื่องนี้ บรรดาแมงเม่าที่ซื้อขายหุ้นของ STAR ยามนี้ จะรู้หรือไม่…ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

เพราะไม่ว่าจะถือหุ้น STAR ที่ราคาไหนก็ล้วนแพงเกินทุกราคา…เนื่องจากอนาคตของบริษัทที่เหลือแต่ซากรายนี้ ยังคลุมเครือเหลือจะประเมินได้

และ…จากนี้ไป STAR คงไม่ได้ทำธุรกิจสุขภัณฑ์อีกต่อไปแล้ว

Back to top button