สังคมข่าวหุ้นนิวส์เวฟ

ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,512.62 จุด ปรับลดลง 11.45 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.2 หมื่นล้านบาท


ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,512.62 จุด ปรับลดลง 11.45 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.2 หมื่นล้านบาท

* ขาเข้าซื้อสุทธิได้สามประสาน โดยรายย่อยไม่รอช้าหุ้นลงก็ช้อนสิครับ เข้าเก็บไป 2,611 ล้านบาท ต่างชาติ 751 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 445 ล้านบาท ส่วนสถาบันสาดกระจาย 3,808 ล้านบาท

* ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานถอยไหลกลับไปปิดลบ ที่ผ่านมากลับมาวิ่งขึ้นได้ด้วยหุ้นใหญ่บลูชิพ ยามจากลาก็ลดลงเพราะบลูชิพเช่นกัน

* เอ้าเป็นธรรมดา มีขึ้นก็ต้องมีลง อย่าหวั่นวิตกกันไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคุณเลือกลงทุนหุ้นได้ถูกตัวหรือไม่เท่านั้นเอง

* เริ่มกันด้วยหุ้นแรก SUPER แม่-ลูก แหม…หลุดพ้นโทษแคชบาลานซ์วันแรกพากันวิ่งสนั่นเลยทีเดียว

* ว่าหุ้นแม่ร้ายกาจแล้วเพราะปิดบวกไปถึง 1.92 บาท เพิ่มขึ้นไปกว่า 4% แต่หุ้นลูก W3 นี่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่า * เนื่องจาก SUPER-W3 ปิดบวกไปที่ 44 สตางค์ เพิ่มขึ้นกว่า 12% มูลค่าซื้อขายท่วมท้น 170 ล้านบาท

* งานนี้มีคนถามถ้าจะเล่น SUPER จะเลือกหุ้นแม่หรือลูกกันดี แน่นอนถ้าเอาหวือหวาให้สูบฉีดหัวใจยังไงก็ต้องวอร์แรนต์

* แต่สิ่งที่ต้องระวังเมื่อ W3 วิ่งขึ้นแรงมากในทางตรงกันข้ามก็มีโอกาสลงแรงเหมือนกัน

* ดังนั้น ถ้าต้องการเพลย์เซฟลงทุนกับ SUPER ตัวแม่ก็ยังคงปลอดภัยกว่าตัวลูกนั่นแหละเพราะเหวี่ยงน้อยกว่า

* แต่ที่สำคัญจะเก็งกำไร SUPER ก็ควรกำหนดเป้าหมายและวินัยตัวเองให้ชัดเจน จะขายเมื่อกำไรเท่าไหร่ หรือตัดขาดทุนตอนไหน

* เพราะก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นสไตล์ราคาเหวี่ยง-เร็ว-แรง จะมาสบายๆ ไม่สนใจติดตามราคา แบบนี้น่าจะเสียมากกว่าได้นะ

* ข้ามไปต่อกันด้วยหุ้น CK แหม…ช่วงนี้ได้ดิบได้ดีเพราะตัวลูกจริงๆ

* ล่าสุด โบรกฯ สั่งอัพราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 38 บาท เท่ากับเพิ่มอัพไซด์ในกระดานขึ้นไปอีก

* สาเหตุสำคัญมาจาก หนึ่งราคาเป้าหมายตัวลูกคนสำคัญ BEM ที่อัพเกรดขึ้นเป็นระดับ 8 บาท

* ดังนั้น CK ตัวแม่ก็ได้รับผลบวกตามติดให้ราคาเพิ่มเหมือนกัน แล้วยังมีกรณีงานไซยะบุรีของตัวลูก CKP เข้ามาเสริมทัพ

* นี่ยังมีปัจจัยบวกหลายๆ อย่างอีกเพียบนะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดก็พลิกไปอ่านในฉบับได้เลย

* ทั้งหมดเลยกลายเป็นที่มาที่ไปว่า เหตุใด CK จึงได้รับการอัพเกรดเป็น 38 บาท เรียกได้ว่าตั้งแต่ราคายืนเหนือ 30 บาท หุ้นอยู่เทรนด์ขาขึ้นจริงๆ

* หุ้นเล็กน่าจับตาอีกรายเลือก AJD ล่าสุดประกาศข่าวดีธุรกิจ “ตู้เติมเงินเติมสบาย” ขยายไปถึงระดับ 20,000 ตู้เรียบร้อยแล้ว

* นับเป็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วมาก เพราะเห็นว่าสิ้นปี 58 มีอยู่แค่ประมาณ 2,700 ตู้ แต่ล่าสุดฟาดไป 20,000 ตู้

* นับกันคร่าวๆ ก็คิดเป็นอัตราการเติบโตร่วมเกือบ 10 เท่า ดังนั้น น่าจะส่งผลดีต่อให้ทางบริษัทมีรายได้-กำไรสูงขึ้นแบบมีนัยสำคัญเลยแหละ

* หุ้น GPSC น่าจับตาแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 เป็นอย่างมาก

* เห็นล่าสุดโบรกฯ ดีดคำนวณกันออกมาว่า จะมีโอกาสฟาดกำไรทะลุ 600 ล้านบาท โตกว่า 30% จากปีก่อน

* แรงหนุนหลักนำพามาจากกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าที่กำลังผลิดอกออกผลสร้างกำไรโตนั่นเอง

* เมื่อกำไร Q2 ฟอร์มสด นั่นเท่ากับหนุนงวดครึ่งปีแรกกำไรทะลุไปกว่า 1,500 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีก่อน

* งานนี้ ต้องจับตาเป็นอย่างยิ่งหากงบออกมาดีอย่างที่คาดหวังกันไว้ มีโอกาสไม่น้อยที่ภาพรวมตลาดอาจจะมีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นมาแน่นอน

* ปิดท้ายด้วยหุ้นร้อนที่โดนสั่งควบคุมตัว นั่นคือ หุ้น DNA และ DNA-W1 นั่นเอง

* โดนระดับ 1 เกณฑ์ Cash Balance เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 2-22 ส.ค. ใครเผลอตัวเข้าไปซื้อหุ้นโปรดตัดสินใจกันให้ดีด้วย  

 

Back to top button