พาราสาวะถี อรชุน

บอกแล้วว่าในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมรู้ทิศทางลมเป็นอย่างดีว่าเรื่องไหนที่แตะแล้วเป็นปัญหา เรื่องไหนที่ไม่ควรจะไปยุ่ง ดังนั้น กรณีที่ตำรวจกองปราบปล่อยตัว 19 แกนนำนปช.ซึ่งเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาเรื่องการขัดคำสั่ง คสช.ชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไป จากการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน จึงเป็นการอ่านทิศทางลมและถอดฟืนออกจากไฟ


บอกแล้วว่าในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมรู้ทิศทางลมเป็นอย่างดีว่าเรื่องไหนที่แตะแล้วเป็นปัญหา เรื่องไหนที่ไม่ควรจะไปยุ่ง ดังนั้น กรณีที่ตำรวจกองปราบปล่อยตัว 19 แกนนำนปช.ซึ่งเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาเรื่องการขัดคำสั่ง คสช.ชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไป จากการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน จึงเป็นการอ่านทิศทางลมและถอดฟืนออกจากไฟ

หากใช้มาตรการเข้มข้นเหมือนที่ผ่านมาคือ จับดะแล้วนำไปขัง ประชามติวันที่ 7 สิงหาคมนี้ย่อมมีภาพไปอีกทาง ขณะเดียวกันการไม่เลือกขังตามเสียงเชียร์ของพวกเดียวกัน คงเป็นเพราะไม่อยากให้เดินไปเข้าเงื่อนไข เกรงว่าจะเกิดเหตุความวุ่นวาย เพราะจะมีกองเชียร์เสื้อแดงแห่แหนไปให้กำลังใจแกนนำ จึงเป็นเหตุให้บางพวก (เดียวกัน) ใช้เป็นปัจจัยในการล้มประชามติ

นาทีนี้ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ท่านผู้นำกำลังเผชิญกับภาวะกดดันหลายด้าน ในส่วนของฝ่ายตรงข้ามเนื่องจากมีมาตรายาวิเศษอยู่ในมือจึงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง แต่การต้องมาสู้รบปรบมือกับพวกเดียวกันนั้น เป็นสิ่งที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้บิ๊กตู่น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก สัจธรรมแห่งอำนาจไม่มีความว่ามิตรแท้และศัตรูถาวร

อย่างไรก็ตาม มุขของฝ่ายกุมอำนาจที่ต้องการจะเร้ากระแสให้คนฝ่ายรับหันไปหย่อนบัตรลงคะแนนให้ร่างรัฐธรรมนูญมีชัยผ่าน อ่านเกมได้แบบชั้นเดียวเชิงเดียวคือ การให้ข่าวเรื่องค่าปรับ 2.8 แสนล้านบาทในโครงการรับจำนำข้าวที่จะเรียกจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ก็โดนหางเลขไปอีกเฉียด 2 หมื่นล้านบาท

อ่านขาดกันว่า นี่เป็นเกมดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามและเรียกคะแนนจากกองเชียร์คณะรัฐประหารถือเป็นการเอาจริงเอาจังต่อการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น แต่นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะคดีนี้เมื่อเป็นค่าเสียหายทางแพ่งยิ่งลักษณ์มีสิทธิ์ที่จะไปยื่นร้องต่อศาลปกครองเห็นแย้งคำสั่งดังกล่าวได้ หากเคารพในกระบวนการก็ต้องให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ที่สำคัญเมื่อเปิดประเด็นมาแล้วก็ต้องเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เงื้อง่าราคาแพงเหมือนที่ผ่านมา แล้วมาเลือกใช้จังหวะโอกาสอย่างนี้ ใครเชื่อว่ามันเป็นความบังเอิญก็บ้าแล้ว บางเรื่องนั้นหากจะเล่นเกมมันก็ได้แค่บางครั้ง แต่เล่นมุขเดิมบ่อยๆ มันก็แป้กได้เหมือนกัน ต้องอย่าลืมว่านิสัยสำคัญของคนไทยคือ เป็นคนขี้สงสาร หากฝ่ายหนึ่งคนใดถูกกระทำมากๆ จากที่เคยหมั่นไส้มันจะกลายเป็นอีกมุมหนึ่งได้ คนที่ใกล้ชิดกับการเมืองมาโดยตลอดต้องเข้าใจอัตลักษณ์ข้อนี้ด้วย

ในขณะที่ฝ่ายถืออำนาจรัฐประกาศตูมตามจ้องจะเรียกค่าเสียหายมโหฬารชนิดที่ว่าเกิดแล้วตายอีกกี่ชาติก็ยังใช้หนี้ไม่หมด แต่ดูเหมือนว่ายิ่งลักษณ์ไม่ได้ทำตัวหัวหด หากแต่กลับออกมาประกาศความชัดเจนเรื่องการลงประชามติ หลังจากที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ยืนยันชัดเจนยังมีสิทธิ์ที่จะไปลงคะแนนได้ ด้วยการย้ำหนักแน่น “ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง”

เหตุผลของอดีตนายกฯ หญิงก็คือ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด มีความสำคัญในการกำหนดรูปแบบการปกครองประเทศ ซึ่งต้องเป็นประชาธิปไตยที่ยอมรับอำนาจการตัดสินใจของประชาชน การให้สิทธิเสรีภาพและสิ่งที่ประชาชนพึงจะได้รับ รวมถึงการกำหนดการถ่วงดุลระหว่างอำนาจต่างๆ ไว้อย่างเหมาะสม และรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญจะต้องสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้

จากการติดตามการยกร่างและสาระของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาโดยตลอด เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมิได้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว และในวันเดียวกัน พานทองแท้ ชินวัตร ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊คระบุถึงท่าทีของ ทักษิณผู้เป็นพ่อต่อร่างรัฐธรรมนูญมีชัยว่า ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นเดียวกัน นั่นเป็นเพราะเล็งเห็นข้อบกพร่องหลายๆ ประการ

มีอยู่หลายข้อในร่างรัฐธรรมนูญรวมถึงคำถามพ่วง ที่จะทำให้ประชาธิปไตยถดถอยกว่าเดิม รัฐบาลต่อไปทำงานลำบาก การยึดโยงกับประชาชนลดลง และสามารถสืบทอดอำนาจเผด็จการได้ง่าย ขณะที่ประเด็นซึ่งคุยนักคุยหนาว่าเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงนั้น พลิกดูทุกมาตราก็จะเห็นว่าไม่ได้มีความเด็ดขาด ดังเช่นที่ฟอร์เวิร์ดกันไปมาในโซเชียลมีเดีย ที่คุยโม้ว่าจะลงโทษนักการเมืองที่ทุจริต จะเห็นมีก็แต่การนิรโทษกรรม ให้กับนักการเมืองในรัฐบาลปัจจุบันเท่านั้น

เมื่อท่าทีของระดับนำจากสองฝั่งแสดงออกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผลของการทำประชามติหนนี้จึงยากที่จะคาดเดาว่า ลงเอยอย่างไร รับหรือไม่ แล้วถ้าผลออกมาอย่างหนึ่งอย่างใดจะเกิดอะไรกับประเทศ ในส่วนความเห็นส่วนตัวได้บอกไปนานแล้ว ไม่ว่าจะหัวหรือก้อย คณะรัฐประหารก็สมประโยชน์ทั้งคู่ แม้ว่ากรณีการไม่ผ่านจะนำมาซึ่งคำถามเรื่องความชอบธรรมก็ตาม

ถ้าเช่นนั้นต้องลองไปดูความเห็นของ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ชายเดี่ยวดูบ้าง ผลที่ออกมาในมุมมองของคนที่ทำการใหญ่ให้ต้องเอียงจะเป็นอย่างไร สมชัยให้ทัศนะกรณีร่างรัฐธรรมนูญผ่านว่า จะมีคำถามความไม่ชอบธรรม โดยเฉพาะการใช้อำนาจปิดกั้นเรื่องสิทธิเสรีภาพและคะแนนจัดตั้ง ที่อาจถูกมองว่าเป็นการโกง

หากผลประชามติไม่รับมากกว่ารับ ก็มีคำถามถึงความชอบธรรมของคณะรัฏฐาธิปัตย์ ทั้งกรณีจะดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญและการอยู่ในอำนาจ ด้วยเหตุนี้เครือข่ายและองค์กรฝ่ายเห็นต่าง จึงเรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันให้มากที่สุดและจับตาการนับคะแนนจนกว่าจะรู้ผล ซึ่งก็สอดคล้องกับสมชัยที่บอกให้ประชาชนสามารถจับตาดูการนับคะแนน ณ หน่วยนับคะแนนได้

ดังนั้น การลงประชามติ 7 สิงหาคมนี้นอกจากที่จะต้องลุ้นกันว่า ร่างรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่าน คณะรัฐประหารจะสามารถสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองได้หรือไม่ เรื่องความโปร่งใสของกระบวนการก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น แม้จะไม่มีการเปิดช่องมากไปกว่าให้ประชาชนไปส่องคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีบางองค์กรที่จับมือร่วมกันในการสแกนการลงประชามติ

โดยมีการรวมตัวกันของเครือข่าย We Watch อาสาสมัครเยาวชนสังเกตการณ์ประชามติ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ สำนักข่าวไทยพับลิก้า ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง และสำนักข่าวประชาไทตั้งเครือข่ายสังเกตการณ์ประชามติ ต้องดูกันว่าจะสามารถจับผิดอะไรได้หรือไม่ ถือเป็นความท้าทายในบรรยากาศที่ถูกกฎหมายปิดปากเล่นงาน มันจะส่งผลไปถึงการปิดหู ปิดตา ประชาชนด้วยหรือเปล่า

Back to top button