พาราสาวะถี อรชุน

อดใจรอกันแค่อีกอึดใจเดียวจะได้รู้ผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญมีชัยจะออกหัวหรือก้อย ย้ำกันอีกครั้งไม่ว่าประชาชนจะรับหรือไม่รับ ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะต้องหยุดอยู่ตรงนี้ สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือ ถ้ารับแล้วจะเดินไปสู่โรดแม็พเลือกตั้งตามเป้าหมายเพื่อให้เกิดความสงบและประเทศเดินหน้าได้อย่างไร แต่ถ้าไม่ผ่านสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นแบบไหน


อดใจรอกันแค่อีกอึดใจเดียวจะได้รู้ผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญมีชัยจะออกหัวหรือก้อย ย้ำกันอีกครั้งไม่ว่าประชาชนจะรับหรือไม่รับ ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะต้องหยุดอยู่ตรงนี้ สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือ ถ้ารับแล้วจะเดินไปสู่โรดแม็พเลือกตั้งตามเป้าหมายเพื่อให้เกิดความสงบและประเทศเดินหน้าได้อย่างไร แต่ถ้าไม่ผ่านสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นแบบไหน

โจทย์ใหญ่เหล่านี้ผู้ที่จะทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดคือคสช. ดูเหมือนว่าช่วงโค้งสุดท้าย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดูมีสีหน้าแช่มชื่น ซึ่งคงจะบ่งบอกอะไรได้บางอย่าง ที่แน่ๆ คือ สิ่งที่ลุ้นกันมาโดยตลอด 7 สิงหาคมจะมีประชามติหรือไม่ มาถึงนาทีนี้แสดงว่าไม่มีอุปสรรคใดมาสกัดขัดขวางได้ นั่นหมายความการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังเอาอยู่

แม้จะมีข่าวเกิดอาการขัดขากันเอง นั่นคงไม่เป็นปัญหาสำหรับสายเลือดพี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ เพราะคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการหันหน้ามาคุยกัน อะไรที่ทำให้พี่ไม่ไว้ใจผมหรืออะไรที่ผมทำให้พี่ไม่สบายใจ หากเปิดใจคุยแบบชายชาติทหาร ทุกอย่างก็น่าจะจบและไร้แรงกระเพื่อม ทว่ายังมีข่าวเล็ดลอดออกมา ขาใหญ่เดินเกมใต้ดินสั่งให้เด็กในคาถาระดมพล “โหวตโน” ให้หมด

หากการข่าวเป็นไปตามนั้น นั่นหมายความว่า จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อทำให้เกิดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ ในขณะเดียวกัน ก็จะเริ่มเกิดคำถามเรื่องความชอบธรรมของบิ๊กตู่ ซึ่งจะทำให้เกิดผลอย่างเล็กๆ คือ การเขย่าปรับครม.เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้รัฐบาลรอการเลือกตั้ง หรืออีกทางน้องเล็กอาจจะเลือกเดินลงเวทีเพื่อให้พี่ใหญ่ได้สมปรารถนา โดยที่ตัวเองยังมีอำนาจตามมาตรา 44 อยู่ในมือเหมือนเดิม

ภาพของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญหนนี้คงคึกคักไม่น้อย เหตุผลไม่ได้อยู่ที่การประชาสัมพันธ์ของกกต. หากแต่อยู่ที่ประชาชนส่วนใหญ่อัดอั้นมานับตั้งแต่เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธุ์ 2557 ถูกสั่งให้เป็นโมฆะและที่จะไปใช้สิทธิ์ก็ถูกปิดกั้นจากม็อบมีเส้นนามกปปส. ประกอบกับการตกอยู่ภายใต้ภาวะกดดันกว่า 2 ปีที่ผ่านมา อาทิตย์นี้จึงต้องไปแสดงพลังระบายความอึดอัดกันหน่อย

เป้าหมายสูงลิบของกกต.กับการหวังให้คนไปใช้สิทธิ์เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ หากคนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า จะต้องไปแสดงพลังไม่ว่าจะรับหรือไม่รับ คงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ การนับคะแนนต้องไม่ลืมว่า เลือกตั้งหนนี้ปิดหีบกันสี่โมงเย็น ซึ่งกว่าจะเริ่มกระบวนการนับคะแนนแรกได้ก็น่าจะใช้เวลาพอประมาณ

มีการตั้งข้อสังเกตจากบางคนบางฝ่าย ที่ขยายเวลากันออกไปเป็นความตั้งใจให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์กันให้มากหรือมีแผนสูงไปกว่านั้น หากคนเยอะก็จะต้องนับคะแนนกันไปถึงมืดค่ำ ซึ่งถือเป็นจังหวะอันดีที่อาจจะเกิดข้อผิดพลาดในการนับคะแนน ในที่นี้หมายถึงมีเจตนาโกงนั่นเอง ตรงนี้แหละที่จะเป็นจังหวะของประชาชนในการแสดงพลังของการตรวจสอบ

วันก่อน สมชัย ศรีสุทธิยากร ก็ได้บอกไว้แล้วประชาชนสามารถจะไปนั่งอยู่ในบริเวณหน่วยเลือกตั้ง เพื่อร่วมชมการนับคะแนนได้ โดยหากพบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ผิดปกติ เช่น ขานบัตรดีบัตรเสียเสียงเบาไปก็ต้องทักท้วง เรียกได้ว่าอะไรที่เกิดสิ่งไม่ชอบมาพากลในหน่วยเลือกตั้งขอให้ประชาชนใช้สิทธิ์ในการตรวจสอบได้เต็มที่ ปัญหาก็คือ จะมีเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจคอยสังเกตการณ์และจับผิดประชาชนอีกชั้นด้วยหรือเปล่า

ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการมีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงโดยเฉพาะทหารเข้าไปประจำการในหน่วยเลือกตั้ง ยิ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดประชาชนย่อมเกิดความกลัวเป็นธรรมดา กลายเป็นว่ากกต.ที่หวังจะให้กระบวนการออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์โปร่งใส มันกลับจะเป็นไปในทิศทางตรงข้าม แต่หากมีปัญหามากคงหนีไม่พ้นอาจจะได้เห็นมาตรา 44 ถูกงัดออกมาใช้เพื่อการนี้ก็เป็นได้

ร่ายยาวเรื่องประชามติพอประมาณ เดินทางมาถึงขณะนี้แล้ว คงไม่ต้องไปหวั่นเกรงอะไรกันอีก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด บ้านเมืองที่ตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งยาวนานกว่า 10 ปี และช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมาสงบบนพื้นฐานการใช้อำนาจเด็ดขาดสะกดทับ มันคงไม่กระเตื้องหรือดีขึ้นภายในเร็ววันนี้ นี่คือความจริงที่ต้องทำใจกันไว้ล่วงหน้า

ขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงกำลังจะถูกโหวตโดยประชาชน คำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นมาโดยตลอด การทุจริตคอร์รัปชั่นหรือการใช้อำนาจโดยไม่ชอบนั้นมีเฉพาะในแวดวงการเมืองเช่นนั้นหรือ คำตอบคือไม่ จะเห็นได้จากเหตุการณ์ง่ายๆ แต่แสดงถึงการใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้องก็คือ การที่ทหารยศนายพันรายหนึ่งไปข่มขู่ประชาชน และมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ข้าราชการใช้อำนาจในทางมิชอบ

คนทั่วไปย่อมวิจารณ์ในหลากหลายแง่มุม แต่ในมุมของพระอย่างพระพยอม กัลยาโณ มองกรณีนี้ไว้อย่างน่าสนใจ นายทหารระดับยศถึงพันเอกทำอย่างนั้น ถือว่าเหลิงอำนาจมากหรือไม่ หรือว่าตอนนี้ทหารเป็นใหญ่ก็เลยลืมตัว พอลืมตัวก็มาใช้อำนาจกับประชาชน ถ้าอย่างนี้ก็อย่าหวังเลยที่จะได้รับความร่วมมือจากประชาชน รัฐบาลจึงต้องกำราบข้าราชการที่ทำให้ประชาชนเสียหาย

ถ้าท่านหวังดีว่าจะมีแผนแม่บทสร้างคุณธรรม คุณธรรมจะเกิดได้ด้วยหิริและโอตัปปะ ซึ่งคือแม่บทที่เป็นมารดาของคุณธรรมทั้งหลาย ถ้าไม่อายชั่ว ไม่กลัวบาป ไม่อายศักดิ์ศรีทหาร ไปข่มขู่ชาวบ้านอย่างนี้ ใครเขาจะรัก ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีข่าวเยอะจัง ยศแค่นี้ยังกร่าง จึงต้องกำราบกันให้ดี อย่าให้ไปกร่างกับประชาชน ข่มขู่ประชาชน จะอ้างว่ามีน้อยมีมาก หรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่เมื่อเกิดขึ้นรายหนึ่งแล้ว ผู้ใหญ่ต้องไม่ปล่อยปละละเลย ต้องกำราบ ไม่ใช่เกิดเป็นข่าวแล้วก็เงียบหายไป

ที่ยกมาเป็นอุทาหรณ์ ไม่ได้หมายความว่าจะมีการไปข่มขู่ประชาชนในช่วงคืนหมาหอนก่อนลงประชามติ เหมือนอย่างที่พระพยอมบอกว่า สนับสนุนความคิดเรื่องสร้างคุณธรรม แต่ต้องดำเนินการให้มันเป็นความจริง เป็นรูปธรรม ไม่ใช่คิดแผนแม่บทมาดีเหลือเกิน แต่ไปไม่รอด เปิดประเด็นเพื่อปิดเงียบ อันนี้เสียเวลาเปล่าๆ ต้องดูกันหลังประชามติว่าท่านผู้นำและคณะเขาคิดกันในเรื่องเหล่านี้อย่างไร เพราะคุณธรรมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการจะไปต่อยอดในทุกสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปรองดองและสามัคคี

Back to top button