พาราสาวะถี อรชุน

ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายสำหรับผลการลงประชามติที่เสียงส่วนใหญ่โหวต“รับ” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย เช่นเดียวกับคำถามพ่วงที่ให้ส.ว.ลากตั้ง 250 คนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ งานนี้ก็ถือว่าสมใจอยากของผู้มีอำนาจและคุ้มค่ากับการลงทุนที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศล่วงหน้าสองวันก่อนลงคะแนนเสียงว่าจะไปลงมติรับทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง


ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายสำหรับผลการลงประชามติที่เสียงส่วนใหญ่โหวต“รับ” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย เช่นเดียวกับคำถามพ่วงที่ให้ส.ว.ลากตั้ง 250 คนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ งานนี้ก็ถือว่าสมใจอยากของผู้มีอำนาจและคุ้มค่ากับการลงทุนที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศล่วงหน้าสองวันก่อนลงคะแนนเสียงว่าจะไปลงมติรับทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง

เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องไปถามถึงความโปร่งใสใดๆ เพราะเมื่อกติกาคือยึดเอาเสียงส่วนใหญ่ หมายความว่า คณะรัฐประหารมีความชอบธรรมในการที่จะเดินหน้าตามโรดแม็พต่อไป ส่วนจะเดินกันไปแบบไหนอย่างไร จะมีการยัดไส้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ จับตาดูการประชุมร่วมครม.-คสช.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งบิ๊กตู่น่าจะประกาศความชัดเจน

ขณะที่กรธ.ภายใต้การนำของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ถือว่าโล่งอกและได้ไปต่อ ด้วยภารกิจร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ โดยมีกฎหมายหลัก 5 ฉบับที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งต้องดำเนินการก่อน ส่วนที่จะเป็นเหตุให้ล่าช้าคือ คำถามพ่วงที่จะต้องไปแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของบทเฉพาะกาล เนื่องจากการให้ส.ว.ลากตั้งร่วมโหวตเลือกนายกฯ นั้นจะมีระยะเวลาตามข้ออ้างคือช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี

อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจจากผลประชามติครั้งนี้คือ คะแนนเสียงที่ออกมาจะเห็นได้ว่ายังเป็นไปตามฐานเสียงของพรรคการเมือง โดยในพื้นที่ภาคเหนือและอีสานนั้นคะแนนเสียงไม่รับยังมีมากกว่ารับ ส่วนบางจังหวัดที่รับมากกว่า น่าจะพออ่านกันออกว่ามาจากเหตุผลใด หนึ่งคือการใช้กลไกในการชักจูง โน้มน้าว อีกหนึ่งคือ ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องการเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว

ที่ต้องขีดเส้นใต้คือ ภาคใต้ทั้งๆ ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศไม่รับ สำทับด้วย ชวน หลีกภัย ประกาศสนับสนุน โดยมี สุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนกล้าโดยท้าทายหนุนร่างรัฐธรรมนูญสุดลิ่มทิ่มประตูและเชิญชวนคนให้รับ นี่หมายความว่าความยิ่งใหญ่ของชวนหายไปโดยเทพเทือกเข้ามาแทนที่อย่างนั้นหรือ อ่านกันแบบนี้มันก็ดูจะตื้นเขินทางปัญญาไป

มองให้ไกลและไม่น่าจะหนีไปจากนี้นั่นก็คือ นี่เป็นการเล่นเกมตีสองหน้าหรืออีกด้านคือมีการเจรจาตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อรักษาจุดยืนและหน้าตาของพรรคการเมืองอภิสิทธิ์จำเป็นต้องประกาศออกมาในลักษณะนั้น พร้อมอ้างในนามเรื่องส่วนตัว ขณะที่ลูกพรรคบางรายก็ออกหน้ามาหนุนท่าทีของหัวหน้าเป็นพิธี แต่ว่าในพื้นที่เดินเกมอย่างไรนั้นเป็นอันรู้กัน

นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง แต่ที่รับกันไม่ได้คงหนีไม่พ้นฝ่ายต่อต้านหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะแกนนำนปช.หรือคนเสื้อแดง ซึ่ง จตุพร พรหมพันธุ์ ตั้งความหวังไว้อย่างเต็มที่ว่า ถ้าคนแห่มาใช้สิทธิกันถล่มทลาย เชื่อว่าเสียงของฝ่ายไม่รับจะชนะแน่นอน แต่พอบทสรุปออกมาเช่นนี้ จึงชี้นิ้วความผิดไปที่กกต.

ประธานนปช.ถึงกับประณามการทำหน้าที่ของกกต.และคสช. ที่สร้างบรรยากาศการลงประชามติ ภายใต้ความหวาดกลัวในราชอาณาจักร และกกต.ควรแสดงออกด้วยความรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะ เพราะ กกต.ทำหน้าที่รณรงค์คนออกมาใช้สิทธิ์ได้เพียงองค์กรเดียว เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีการรณรงค์โดยเฉพาะพื้นที่คนเห็นต่าง ทำให้ความตื่นตัวของประชาชนเป็นที่น่าผิดหวัง

ในมุมของประชาชนตื่นตัวไม่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่คสช.สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนที่ไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบคือกกต.และคสช. การโฟกัสไปยังจุดนี้ของฝ่ายคนเสื้อแดง เนื่องจากเห็นว่าการที่คนมาใช้สิทธิน้อยย่อมเข้าทางฝ่ายกุมอำนาจที่สามารถชี้นำและล็อกคะแนนเสียงได้ อีกจุดที่น่าสนใจบัตรเสีย

เพราะเอาแค่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งผู้คนน่าจะเข้าใจกระบวนการขั้นตอนต่างๆ มากกว่าใครเพื่อน แต่กลับพบว่ามีบัตรเสียหลักแสนใบ ตัวเลขแบบนี้กกต.ต้องวิเคราะห์ให้ขาดว่าเกิดอะไรขึ้น มันไม่น่าจะเป็นความจงใจของคนเมืองหลวงในการที่จะทำให้บัตรลงประชามติไร้ค่าได้มากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งความบังเอิญยิ่งเป็นไปไม่ได้ต้องมีนัยอะไรแอบแฝงแน่นอน

กระนั้นก็ตาม เมื่อผลออกมาเช่นนี้ ถามกันต่อว่าจะมีผลเช่นไรต่อไป จาตุรนต์ ฉายแสง มองอย่างคนเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ก็ต้องมีการเลือกตั้งตามกำหนดที่วางโรดแม็พไว้ และไม่น่าเป็นห่วงว่าจะมีความขัดแย้งวุ่นวายหรือการเผชิญหน้า เพราะว่าถ้าผ่านคงเป็นไปตามโรดแม็พ ไม่ผ่านก็มีการเลือกตั้งตามโรดแม็พ

ส่วนจะมีเลือกตั้งอย่างไรและมีการร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร จะเกิดการหารือจากหลายฝ่ายด้วยเหตุด้วยผล หาทางออกที่ดีได้ โดยไม่มีการเผชิญหน้า และเชื่อว่าถ้าผ่านเรื่องการดำเนินคดียังมีต่อไป ขณะที่การปิดกั้นแสดงความเห็น ขั้นตอนต่อไปในการร่างรัฐธรรมนูญ คงมีความจำเป็นน้อยลง ซึ่งมันก็คงต้องเป็นเช่นนั้น เพราะฝ่ายผู้กุมอำนาจจะอ้างฉันทามติของเสียงส่วนใหญ่เป็นเกราะป้องกันทันที

เมื่อทุกอย่างเป็นใจให้ผู้มีอำนาจได้ดำเนินการตามที่ต้องการอย่างเต็มที่ คำถามที่ตามมาคือ การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้น จะผ่อนปรนให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้หรือไม่ ในระยะเวลาอันใกล้ที่จะต้องมีกระบวนการทำกฎหมายลูกและแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อบรรจุปมส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ได้นั้น คงยังจะไม่เปิดพื้นที่ให้กับพรรคการเมืองแน่นอน

ต้องไม่ลืมว่าในจังหวะที่ยังรอคำตอบเสียงของประชาชนอยู่นั้น ทั้งบิ๊กตู่และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีท่าทีขึงขังต่อเรื่องนี้มาโดยตลอด ดังนั้น ยิ่งมีเสียงสนับสนุนอันชอบธรรมเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลในการที่จะยืนกระต่ายขาเดียว ในระหว่างนี้อาจจะมีการเจรจาหรือจัดตั้งองคาพยพทางการเมืองของตัวเองเพื่อส่งคนใกล้ชิดให้ถึงฝั่งฝันเก้าอี้นายกฯ หลังการเลือกตั้ง

ข้อมูลยังคงเดิมคือส.คนที่บิ๊กตู่ไว้ใจจะนั่งผู้นำประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน หากไม่มีการเบี้ยวกันเกิดขึ้นจะเป็นในลักษณะรัฐบาลแห่งชาติ จากนั้นจึงจะยอมให้อำนาจเปลี่ยนมือไปสู่พรรคการเมืองของนายใหญ่โดยคาดหมายว่าเจ๊ใหญ่กทม.จะได้ถึงฝั่งฝันของตัวเองเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขประชามติและเอกสารลับที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้ในการต่อสู้คดีล่าสุด ว่ากันว่า การเจรจาที่ผ่านมาอาจเป็นโมฆะ
/////

Back to top button