ทีใคร..ทีมันโมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนอื่นต้องพูดถึงองค์ประกอบที่ทำให้ดัชนีเมื่อวันศุกร์กระชากขึ้นมาปิดที่ 1,518.69 จุด บวกไป 10.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท มันเป็นผลมาจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% จากระดับ 0.50% มาอยู่ที่ 0.25% ซึ่งเป็นการปรับลงครั้งแรกในรอบ 7 ปี พร้อมกับเพิ่มขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 6 หมื่นล้านปอนด์นะจะบอกให้
*ก่อนอื่นต้องพูดถึงองค์ประกอบที่ทำให้ดัชนีเมื่อวันศุกร์กระชากขึ้นมาปิดที่ 1,518.69 จุด บวกไป 10.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท มันเป็นผลมาจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% จากระดับ 0.50% มาอยู่ที่ 0.25% ซึ่งเป็นการปรับลงครั้งแรกในรอบ 7 ปี พร้อมกับเพิ่มขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 6 หมื่นล้านปอนด์นะจะบอกให้
*โดยเรื่องดังกล่าวเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนสถาบันขนเงินเข้ามาซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก และการซื้อดังกล่าวน่าจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจประเด็นดังกล่าวอย่างถ่องแท้ และอย่านำมารวมกับประเด็นเรื่องการลงประชามติเป็นอันขาด เพราะเรื่องที่เกริ่นนำไว้ทั้ง 2 อย่าง มันให้ผลลัพธ์คนละแบบกันอย่างชัดเจนพะยะค่ะ
*ที่สำคัญคือ เรื่องดังกล่าวช่วยให้ตลาดหุ้นดีขึ้นแค่ระยะสั้นๆ เพราะปัจจัยที่จะทำให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างยั่งยืน มันอยู่ที่ผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาแจ่มแจ๋วเพียงใด? และเท่าที่สำรวจจากกูรูที่มากประสบการณ์ ต่างพูดไปในทางเดียวกันว่า ผลงานของบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าคาด! จึงต้องพยายามหาจังหวะในการเข้าลงทุนตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะพลาดจังหวะสำคัญของชีวิตนะตัวเอง!
*เหมือนกับการทะยานขึ้นของ BEM พอสืบสาวราวเรื่องทั้งหมด “โมนิก้า” ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรสักอย่าง แรงซื้อจากกองทุนตัวแสบถึงไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก หุ้นก็เลยวิ่งขึ้นมาปิดที่ 8.15 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 2.40 พันล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้ทันทีว่า นี่เป็นเกมระหว่างนักลงทุนสถาบัน ซึ่งจะมีผลทำให้หุ้น “ขึ้น” หรือ “ไม่ขึ้น” ได้ทั้งนั้น จึงต้องติดตามดูให้ดีๆ นะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ BJC หากมองให้ลึก ดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่า นี่เป็นเกมการเงิน! เพราะเริ่มมีคนหันมาพูดถึง บลจ.ดอกบัว ขายทำกำไรหุ้นตัวนี้ไปแล้วล็อตหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นได้กำไรไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ล่าสุดเห็นกองทุนตัวแสบดอดเข้ามาเก็บหุ้นเพิ่มเติม “โมนิก้า” ถึงมั่นใจมากขึ้นว่า หุ้นตัวนี้อยู่ภายใต้การคอนโทรลอย่างเบ็ดเสร็จ หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 49 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 1.30 พันล้านบาทไงล่ะค่ะ
*CPF เป็นอีกหนึ่งรายที่น่าจะเกิดจากน้ำมือกองทุนตัวแสบ เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ 28.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำท่า “ติ๋มๆ หงิมๆ” มันทำให้เดี๊ยนต้องหันมามองหุ้นตัวนี้ในทันที พร้อมกับมองกรอบแนวต้าน 30 บาท ยังเป็นอะไรที่ผ่านไปได้ยากมากๆ วันนี้ถึงเป็นจังหวะของการขายทำกำไรนะจะบอกให้
*เช่นเดียวกับในรายของ IVL พอหย่าศึกกันอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเลิกพ่นสงครามน้ำลายใส่ฝั่งตรงกันข้าม หุ้นก็วิ่งขึ้นมาปิดที่ 33 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 1.10 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับหันไปดูยอดเดิม 35 บาทเป็นที่ตั้ง เพราะตรงจุดนี้จะเป็นตัวเดินเรื่องให้ทุกคนรู้ว่า หุ้นจะเปลี่ยนกรอบวิ่งอันใหม่ได้หรือเปล่า..ติดตามกันดูนะคะ
*อีกหนึ่งทีเด็ดที่ “โมนิก้า” เม้าท์ทีไร ไม่เคยเบื่อสักทีก็คือ TFG หลังหุ้นยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมายืนอยู่ที่ 3.94 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 213 ล้านบาท มันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างภายในองค์กร จนความสามารถในการทำกำไรกลับมาอย่างแข็งแกร่ง จึงกลายเป็นหุ้นที่แฟนคลับ “ข่าวหุ้น” แฮปปี้กันอย่างถ้วนหน้าเจ้าค่ะ
*ตลกหกเก้าสุดๆ “โมนิก้า” ขอพ้อยต์ไปที่ TPCH หลังประกาศตัวแบบไม่กระดากลิ้นไก่ว่า ขอกินรวบใบอนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล 36 เมกะวัตต์แต่เพียงผู้เดียวแบบนี้กระมั้ง! ชาวบ้านชาวเมืองถึงครางฮือๆ กันอย่างถ้วนหน้า เพราะมันโอเว่อร์รีแอ็กต์เกินไปหน่อย และเรื่องนี้ก็ทำให้ราคาหุ้นในกระดานรูดลงมาปิดที่ 18.60 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่า 340 ล้านบาทไงล่ะค่ะ
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาเม้าท์เรื่องนี้มากนิดหนึ่งนั้น มันเป็นผลมาจากพรายกระซิบแอบป้องปากเม้าท์ให้ฟังว่า คนอื่นที่เข้าร่วมชิงเค้กยังไม่กล้าเอ่ยปากแบบนี้ เหตุไฉนบริษัทดังกล่าวถึงช่างกล้าออกตัวแรง บวกกับข้อมูลก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยมีใครกินรวบได้สักที! เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูศึกชิงโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ดีๆ เพราะต้องมีคนหงายเงิบอย่างแน่นอน..เชื่อน้องโมเถอะ
*ตบท้ายกันที่การกลับเข้ามาซื้อของกองทุนตัวแสบ ฝรั่งยังคงซื้อต่อไป ส่วนแมงเม่า กับปอบผีฟ้า เทขายหุ้นกันสนุกมือ “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของใครของมัน..ไม่มีอะไรต้องคิดมากเจ้าค่ะ