MTLS หนี้โต ทำราคาแย่แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
เมื่อเช้าวานนี้ ราคาหุ้นของบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS หนึ่งในผู้นำระดับหัวแถวของธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ ฉลองงบการเงินที่สวยงามไตรมาสสองและงวดกลางปี ซึ่งประกาศมาเมื่อวันก่อน ด้วยการทะยานจากราคาผิดวันก่อน 18.90 บาท มาที่ราคาเปิด 9.10 บาท
เมื่อเช้าวานนี้ ราคาหุ้นของบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS หนึ่งในผู้นำระดับหัวแถวของธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ ฉลองงบการเงินที่สวยงามไตรมาสสองและงวดกลางปี ซึ่งประกาศมาเมื่อวันก่อน ด้วยการทะยานจากราคาผิดวันก่อน 18.90 บาท มาที่ราคาเปิด 9.10 บาท
จากนั้น ก็มีการไล่ซื้อราคาไปอีกประมาณ 45 นาทีหลังจากตลาดเปิดการซื้อขายประจำวัน จนราคาหุ้นวิ่งไปที่ราคาสูงสุดของวันที่ระดับ 19.40 บาท …หลังจากนั้น แรงขายก็เริ่มมีออกมาต่อเนื่อง จนในภาคบ่ายราคาก็กลับมาที่ราคาเปิด 19.10 บาท
สัญญาณดาวตกหรือ evening star ขึ้นหราทีเดียว จะบอกว่าจบรอบ…แถมมีโอกาสจะวิ่งลง มากกว่าขึ้นอีก
MTLS มีแนวโน้มจะกลับไปเป็นหุ้นที่ต้องคำสาปให้ไม่วิ่งไปไหนเกินกว่า 22.00 บาท ..ยังไม่รู้ว่าคำสาปนี้จะสิ้นสุดเมื่อใด
คนที่จะแก้คำสาปดังกล่าว มีคนเดียวคือ นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร ผู้ก่อตั้ง และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนั่นเอง
ราคาหุ้นที่ไปไหนไม่ได้ของ MTLS สวนทางกับผลประกอบการที่ยังคงเดินหน้าเป็นขาขึ้นตลอดเวลา เพราะผู้บริหารมุ่งมั่นเหลือเกิน ทั้งสร้างสินทรัพย์ สร้างรายได้ใหม่ และทำกำไรเพิ่ม…แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่แสดงออกมาเป็นราคาหุ้น
คล้ายจะบอกว่า MTLS ยังมีอาการผิดสำแดงว่าด้วย “อาหารไม่ย่อย”
MTLS เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 มีรายได้รวม 1,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 420 ล้านบาท หรือ 72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117 ล้านบาท หรือ 63%
ปัจจัยหนุนรายได้และกำไรที่โดดเด่น มาจากยอดปล่อยสินเชื่อ 8,750 ล้านบาท ที่เติบโต 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
งบการเงินไตรมาส 2 ที่สวยงาม ทำนิวไฮอีกครั้ง (ไม่รู้ครั้งที่เท่าใด)…ทำให้ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2559 สวยด้วย โดยมียอดปล่อยสินเชื่อ 15,702 ล้านบาท เติบโตกว่า 86% มีรายได้รวม 1,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 752 ล้านบาท หรือ 67% มีสินเชื่อคงเหลือ 17,246 ล้านบาทเติบโตกว่า 84% และกำไรสุทธิ 580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215 ล้านบาท หรือ 59% โดยที่พอร์ตลูกค้าของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านบัญชี เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 7 แสนบัญชี
หากเจาะลึกเข้าดูเนื้อในเชิงคุณภาพ จะพบว่า สินทรัพย์รวมของ MTLS เพิ่มจากระยะเดียวกันปีก่อน 13,082.80ล้านบาท เป็น 18,004.08 ล้านบาท…แต่โตเร็วอย่างนี้ ทำให้หนี้สินก็เพิ่มตามมาโดดเด่นเช่นกัน จากระยะเดียวกันปีก่อน 7,430.65 ล้านบาท เป็น 12,195.53 ล้านบาท โดยเฉพาะหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน (ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยติดมาด้วย) จากระยะเดียวกันปีก่อน 2,885.02 ล้านบาท เป็นล่าสุด 6,275.91 ล้านบาท
หนี้สินที่เพิ่มรวดเร็วส่งผลต่อคุณภาพทางการเงิน เพราะส่วนผู้ถือหุ้นที่โตต้วมเตี้ยมเชื่องช้า จากปีก่อน 5,652.14 ล้านบาท เป็นล่าสุด 5,808.44 ล้านบาท ทำให้ค่าดี/อี หรือหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นโป่งพองชวนสยอง เพราะเพิ่มจากระยะเดียวกันปีก่อนจากระดับ 1.3 เท่า เป็นล่าสุดที่ระดับ 2.2 เท่า
ผลพวงข้างเคียงที่เลี่ยงไม่พ้นคือ ค่าพี/อี ของ MTLS พลอยขี้เหร่ไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะ ขนาดราคาไม่เดินหน้าไปไหนร่อแร่อยู่ที่ระดับ 19.00 บาท (บวก-ลบ เล็กน้อย) ค่าพี/อี ยังปาเข้าไปถึง 43 เท่าแล้ว
เสน่ห์ของ MTLS จึงถูกมองข้ามไปอย่างช่วยไม่ได้….ทำโรดโชว์ต่างประเทศกี่ครั้งก็สูญเปล่า
ทางเลือกในการทำให้ค่าดี/อี ลดลง…ซึ่งจะส่งผลต่อพี/อีในระยะต่อไป…มี 3 ทาง เท่านั้น ซึ่งนักการเงินกระจอกแค่ไหนก็ตอบโจทย์นี้ได้ คือ 1) ทำกำไรสุทธิโตขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าจากภายใน หรือ intrinsic value 2) เพิ่มทุนเพื่อเพิ่มมาร์เก็ตแคปของหุ้นให้โตทางลัด ขายให้กับพันธมิตรใหม่ในแบบเฉพาะเจาะจง โดยยอมเสี่ยงกับสัดส่วนการถือครองหุ้นที่ลดลงของรายใหญ่ 3) เล่นเกมวิศวกรรมการเงินเพื่อดันราคาหุ้น ซึ่งวิธีการหลังนี้เสี่ยงที่สุด (และไม่ควรกระทำ…)
ทางแรกนั้น นายชูชาติและทีมงานยังคงยืนยันทำอยู่ โดยระบุว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการเร่งเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัด ซึ่งเพิ่มเป้าหมายเป็น 1,600 แห่ง ทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อทั้งปีจะเติบโตกว่า 70% พอร์ตสินเชื่อคงค้างทะลุ 20,000 ล้านบาท ตามเป้า
สูตรเติบโตจากภายในนี้ ไม่เพียงพอสำหรับอนาคต เพราะยิ่งโตมาก หนี้สินยิ่งเพิ่มมาก ทำให้ ดี/อีเพิ่มเป็นเงาตามตัว นอกเหนือจากดอกเบี้ยจ่ายที่โตไปด้วย แม้จะมีข้ออ้างว่า “…บริษัทยังคงเป็นทางเลือกและเป็นที่พึ่งพิงสำหรับลูกค้าในระดับรากหญ้า อีกทั้งยังคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดานที่ทางการกำหนด และต่ำสุดในระบบ เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน..” ซึ่งไม่มีความหมายอะไรในทางการเงิน
เส้นทางข้างหน้าของ MTLS จึงต้องขึ้นกับว่านายชูชาติและครอบครัวที่ร่วมก่อตั้งมา จะตัดสินใจ “ผ่าทางตัน” ด้วยทางเลือก “โตทางลัด” เมื่อใดเท่านั้น..คนอื่นไม่เกี่ยว…เพราะ ….
ไม่ใช่แฟน คงทำแทนไม่ได้
“อิ อิ อิ”
หากไม่ทำ ..โอกาสที่ ราคาหุ้น MTLS จะต่ำเตี้ยอย่างนี้ไปอีกนาน…จะดำเนินต่อไป
เกมนี้ ไม่ยาก แต่สำคัญที่ใจ…จะกล้าทำหรือไม่..