สิงคโปร์ สับขาหลอกแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

การซื้อขายหุ้น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ในสัดส่วนร้อยละ 21 ของทุนชำระแล้ว ระหว่างบริษัทย่อยในเครือข่ายของบริษัทแม่เดียวกัน อย่าง บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด (แอสเพน) ผู้ขาย กับ ผู้ซื้อ บริษัท สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส จำกัด (Singapore Telecommunications Limited (Singtel) ) เป็นสิงคโปร์ คอนเน็กชั่น ....คนอื่นไม่เกี่ยว


การซื้อขายหุ้น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ในสัดส่วนร้อยละ 21 ของทุนชำระแล้ว ระหว่างบริษัทย่อยในเครือข่ายของบริษัทแม่เดียวกัน อย่าง บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด (แอสเพน) ผู้ขาย กับ ผู้ซื้อ บริษัท สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส จำกัด (Singapore Telecommunications Limited (Singtel) ) เป็นสิงคโปร์ คอนเนกชั่น ….คนอื่นไม่เกี่ยว

ทั้งนี้เพราะ….บริษัททั้งสอง ล้วนอยู่ใต้ร่มธงเดียวกันของบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง ซึ่งเป็น กองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติของรัฐบาลสิงคโปร์ (SWF)

การซื้อขายหุ้น ได้รับการเปิดเผยจากเช้าวานนี้เมื่อ Singtel ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่าได้เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นของบริษัทแบบมีเงื่อนไขจากบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด (แอสเพน) ในสัดส่วนร้อยละ 21 ของทุนชำระแล้วของ INTUCH ในราคา 60.83 บาทต่อหุ้น….แต่การทำรายการดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อน ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ Singtel และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้คาดว่ารายการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2559

จากนั้น INTUCH ก็ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยถึงข้อมูลเดียวกัน แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการการแจ้งอย่างเป็นทางการในกรณีดังกล่าวจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือ แอสเพน แต่อย่างใด

ราคาขายดังกล่าว ถือว่าใกล้เคียงกับราคาตลาดเมื่อวานนี้ ที่ปิดตลาดที่ระดับ 61.75 บาท ทำให้ไม่มีผลต่อตลาดแต่อย่างใด

หุ้นที่แอสเพนทำการขายออกจากมือนี้ ได้กระทำในฐานะตัวแทนของบริษัทแม่คือ กลุ่มเทมาเส็ก ได้เข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าวกับตระกูลชินวัตร ประมาณ 7.3 หมื่นล้านบาท ในเดือนมกราคม 2549 ร่วมกับบริษัทพี่น้องในกลุ่มเดียวกันอีกรายหนึ่งคือ ซีดาร์โฮลดิ้ง คิดเป็นสัดส่วนถือครองหุ้นรวมแล้วทั้งสิ้น 49.62% ราคาหุ้นละ 49.25 บาท หลังจากนั้นกลุ่ม เทมาเส็กก็ได้เปลี่ยนโยบายการจ่ายปันผล 100% ทุกปี ซึ่งเมื่อนับเวลาตั้งแต่เข้าซื้อหุ้นปี 49 จนถึงปัจจุบันกลุ่มนี้ได้รับเงินปันผลเข้ากระเป๋าไปแล้วกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท

การขายหุ้นในครั้งนี้ (ซึ่งเกิดขึ้นล่าสุด) หลังจากที่มีการทยอยขายออกมาแล้วบางส่วนในหลายราคาเป็นระยะในช่วงปี 2554-2556 รวมแล้วเป็นมูลค่ามากกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท) ในสัดส่วน 21% หรือคิดเป็นจำนวนหุ้น  272 ล้านหุ้น และเมื่อคิดจากราคาขายหุ้นละ 60.83 บาทเทมาเส็กรับเงินเข้ากระเป๋าไปอีก  4 หมื่นล้านบาท

 หากนับวงเงินรวม จากเงินปันผล บวกกับการขายหุ้นทั้งหมดที่ดำเนินมา กลุ่มเทมาเส็กฯได้รับผลตอบแทนกลับคืนไปแล้ว 1.63 แสนล้านบาท

ยังเหลือหุ้น INTUCH ในมืออีก 19% เศษ ที่จะยังคงใช้สิทธิรับปันผลต่อไปในอนาคต หรือ ขายออกไปได้อีก หลายหมื่นล้านบาท

รวยไม่เข็ดจริงๆ

หากถือตามนิตินัย หลังจากเดือนธันวาคมปีนี้ไปแล้ว Singtel จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน INTUCH เป็นทางการ และอาจจะได้เห็นการปรับโฉมหน้ากรรมการของบริษัทกันใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับการถือครองหุ้น หรือความเป็นเจ้าของ

ไม่ว่าโครงสร้างจะปรับเปลี่ยนอย่างไร ตำแหน่งของผู้บริหารอย่าง นาย ฟิลลิป เชียง ชอง แทน ซีอีโอที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งไม่นาน คงจะแข็งแรงกว่า “เสริมใยเหล็ก” เพราะว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ล้วน “สิงคโปร์ คอนเน็กชั่น

ที่สำคัญ ล้วนแล้วแต่อยู่ใต้ร่มธงเดียวกันคือ เทมาเส็ก โฮลดิ้ง เจ้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง …การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นแค่โยกย้ายเปลี่ยนมือ จากเงินของเทมาเส็กฯที่จะถอนตัวออกไปลงทุนที่อื่นๆ มาเป็น Singtel เท่านั้น

ก็แค่…สับขาหลอก…เท่านั้น

เรื่องอย่างนี้ ทางกลุ่มทุนสิงคโปร์ถนัดมาก เพราะหากย้อนรอยกลับไปมองนับตั้งแต่การซื้อหุ้นต่อจากกลุ่มชินวัตรแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายครั้ง ที่ทำให้ INTUCH ล้างคราบไคลของกลุ่มชินวัตรออกไปอย่างหมดจดอย่างเป็นกระบวนการที่มีจังหวะก้าวจะเห็นชัดเจน

เริ่มต้นนับแต่เข้าถือครองหุ้นใหญ่ในกลุ่มชินเมื่อปี 2549 กลยุทธ์ที่โดดเด่นสุด คือนโยบายกำหนดให้บริษัทในกลุ่มจ่ายเงินปันผลงดงาม เฉลี่ยแล้ว 100% ของกำไรสุทธิต่อหุ้น แต่บางครั้งก็มากกว่า แล้วปล่อยให้ผู้บริหารมืออาชีพคนไทยทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมกับการปลอดการเมือง เพื่อ “ลอกคราบ” ร่องรอยของทักษิณ ชินวัตร

การลอกคราบที่สำคัญสุดคือ การเปลี่ยนชื่อของ “บริษัท”   เริ่มต้นตั้งแต่ชื่อของบริษัทผู้ประกอบการด้านดาวเทียมพาณิชย์ ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน)  หรือ SATTEL มาเป็น บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ  THCOM

หลังจากประสบความสำเร็จด้วยดี การเปลี่ยนชื่อบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ก็ตามมา โดยเริ่มตั้งแต่เปลี่ยนรหัสซื้อขายหุ้นจาก SHIN เป็น INTUCH ก่อนเพื่อนำร่อง

การเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2557 เมื่อมีการเปลี่ยนเป็น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTOUCH แต่มีรหัสซื้อขายในตลาดหุ้นที่ชื่อ INTUCH เหมือนเดิม…เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ ทิ้งคราบไคลของอดีต หลบเรดาร์ทางการเมืองของกลุ่มพลังตรงกันข้ามกับตระกูลชินวัตร และทักษิณ ชินวัตร

วันนี้ สัดส่วนการถือครองหุ้นของ INTUCH โดยกลุ่ม เทมาเส็กฯที่คุ้นปากคนไทยมานานกว่า 10 ปี ได้ถูกลดทอนลงไปอีกอย่างมีนัยสำคัญ…เพราะมีชื่อของ Singtel ชูธงนำแทนเรียบร้อยแล้ว

เป้าหมายอนาคต ไม่ได้มีไว้พุ่งชน …แต่เพื่อความมั่งคั่ง

“อิ อิ อิ”

Back to top button