CMO พันธมิตรกำจัดจุดอ่อนแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

เมื่อวานนี้ มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO โดย นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ซึ่งเป็นการจำหน่ายเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2559 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็นจำนวน 38.319 ล้านหุ้น คิดเป็น 14.99% ของทุนชำระแล้วที่มี 255.46 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 90.43 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 2.36 บาท สูงกว่าราคาบนกระดานเทรดหลักปิดที่ 2.12 บาท และส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 28.85% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ


เมื่อวานนี้ มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO โดย นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ซึ่งเป็นการจำหน่ายเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2559 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็นจำนวน 38.319 ล้านหุ้น คิดเป็น 14.99% ของทุนชำระแล้วที่มี 255.46 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 90.43 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 2.36 บาท สูงกว่าราคาบนกระดานเทรดหลักปิดที่ 2.12 บาท และส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 28.85% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

นายเสริมคุณ ขายหุ้นดังกล่าวในลักษณะต่างตอบแทนให้กับนายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ส่งผลให้นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของ CMO

การซื้อขายหุ้นดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างเพื่อกระชับหุ้นส่วนทางธุรกิจระหว่างกัน เพื่อความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง CMO และ “ไร้ท์แมน” ที่ระบุว่าจะเปิดยุทธศาสตร์การขยายงานบุกตลาดอาเซียน

เป้าหมายดังกล่าวจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่มีใครรู้ …แต่หวังว่าจะไปได้สวย เพราะลงมือปรับยุทธศาสตร์ทั้งที คงไม่ได้มาทำเล่นๆ

ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่า นี่เป็นความพยายามสร้างพลังผนึกของธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในด้านรับจัดอีเวนต์และกิจกรรมทางด้านการตลาดเพื่อสร้างสีสันให้กับเมืองใหญ่ ซึ่งทั้ง CMO และบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด หวังว่าจะร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกัน โดยมีแผนการลงทุนร่วมกันปีละ 400 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้จากการทำกิจกรรมที่ครอบคลุมงาน ทั้งในกลุ่มธุรกิจอีเวนต์, พิพิธภัณฑ์ และศูนย์การเรียนรู้, งานคอมเมอร์เชียล อินทีเรีย, ธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจงานด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ และไลฟ์สไตล์ ตลอดจนกลุ่มงาน Event Supply

การสร้างพันธมิตรและหุ้นส่วนดังกล่าว เป็นทั้งความจำเป็น และเป็นการ “กำจัดจุดอ่อน” ที่มีนัยสำคัญในอนาคต เพราะหากมองย้อนหลังกลับไปถึงฐานะการเงินของ CMO จะพบว่า ไม่สวยงามเท่าใดนัก

ข้อมูลทางการเงินระบุว่า CMO มีกำไรสวยงามเฉพาะในปี 2555 เท่านั้น ที่เหลือตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มีกำไรบางๆ และขาดทุนสลับกัน โดยเฉพาะปีนี้ ที่แม้จะมีรายได้ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นบ้าง แต่กำไรถดถอยน่าใจหายในครึ่งแรก

ปีนี้ งบการเงินครึ่งแรกของปี เป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่สำหรับ CMO ตัวเลขขาดทุนสุทธิ 50.73 ล้านบาท จากรายได้ที่ระดับ 534.36 ล้านบาท ไม่ต้องบรรยายว่า การแข่งขันในธุรกิจเลวร้ายแค่ไหน …จะเรียกว่า ได้กล่อง มากกว่าเงินก็คงไม่ผิดอะไรมากนัก

เหตุผลสำคัญ มาจากรายได้หลักจากฐานกลุ่มลูกค้าของ CMO ประมาณ 80% เป็นภาคเอกชน ที่มีเงินในกระเป๋าน้อยลง

ในขณะที่พันธมิตรอย่าง บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ก็เป็นบริษัททำนองเดียวกัน และมีขนาดเล็กกว่าไม่มากนัก โดยเทียบจาก รายได้ในปี 2558 อยู่ที่ 900 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 10-15%…แต่ไม่ได้ระบุว่ากำไรหรือขาดทุน โดยมีฐานรายได้ 3 ส่วน คือ งานออกแบบและบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ 50% งานอีเวนต์ 40% และงานออกแบบตกแต่ง 10%

จุดแข็งของ ไร้ท์แมน อยู่ที่กลุ่มลูกค้าของบริษัท ประมาณ 80% จะเป็นภาครัฐ

ฐานลูกค้าที่ต่างกลุ่มกัน ทำให้คาดว่าเมื่อมาร่วมเป็นพันธมิตรกัน จะทำให้เกิดสมการทางด้านธุรกิจที่น่าสนใจซึ่งสรุปออกมาเบื้องต้นว่า ….ทั้ง 2 บริษัทจะมีกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น สามารถเพิ่มความคุ้มค่า (Value) ให้กับลูกค้าเดิมที่มีอยู่ได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาธุรกิจซึ่งกันและกัน รวมถึงช่วยลดต้นทุนการทำงานสร้างผลกำไรได้มากยิ่งขึ้น

มุมมองที่ดีไปหมดอย่างนี้ ทำให้ช่วงเวลาฮันนีมูนเริ่มต้นขึ้นอย่างง่ายดาย เป็นสูตรสำเร็จ

ความมั่นใจของนายเสริมคุณ ที่ออกมาระบุว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี CMO จะกลับมาทำกำไรได้อีก เพราะธุรกิจที่ลงทุนช่วงปลายปี 2558 เช่น หิมพานต์อวตาร ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ทำให้ปีนี้จะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,400 ล้านบาท และการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ ไร้ท์แมน  ซึ่งมีแผนการสร้างรายได้ร่วมกันอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ภายในปี 2562 หลายรูปแบบ …จึงเป็นความมั่นใจว่าได้สร้างบ้านบนฐานศิลาแกร่ง ไม่ใช่สร้างบ้านบนฐานทราย

ความมั่นใจดังกล่าว ไม่ได้ผิดพลาดอะไร… เพียงแต่ฝันจะบรรลุหรือไม่ …ขึ้นกับคำพังเพยเก่าแก่ “คนบัญชา มิสู้ฟ้าลิขิต”

จะบอกว่า ฝันของผู้บริหารทั้งนายเสริมคุณ และนายอุปถัมป์ ไม่ต่างอะไรกับเพลง Impossible dream ก็คงถูกต้อง

เพราะคนเรา ย่อมมีสิทธิ์จะฝัน เพราะ….จินตนาการไร้ข้อจำกัดด้วยกาลเวลาและสถานที่ 

Back to top button