w-shapeโมนิก้าและทีมงาน

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ดัชนีแสดงเจตนารมณ์ว่า ต้องการขึ้นไปสร้างฐานแนวรับที่บริเวณ 1,550 จุด แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จดังใจปรารถนานั้น มันเป็นเรื่องที่นักเล่นรอบรู้แจ้งเห็นจริงกันมาหลายครั้ง “โมนิก้า” จึงไม่อยากพูดอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้มันฟ้องว่า รูปแบบการลงทุนยังไม่มีอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับชีวิตนักลงทุนพะยะค่ะ

*ที่สำคัญคือรูปแบบการเคลื่อนตัวยังเป็นลักษณะ w-shape แถมเรื่องนี้เห็นได้จากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 1,528-1,554 จุดมาทั้งหมด 2 ครั้งด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงไม่รู้สึกซีเรียสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ เพราะดัชนียังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิม (วันก่อนเพิ่งกล่าวทิ้งท้ายไว้) จึงเป็นจังหวะการลงทุนที่แจ่มแจ๋วของคนที่ชอบความท้าทายในชีวิตนะจะบอกให้

*ฉะนั้นการที่ดัชนีเด้งขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,554.90 จุด  สุดท้ายอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,544.10 จุด ลบไป 3.45 จุด ด้วยมูลค่า 5.79  หมื่นล้านบาท เมื่อรวมเบ็ดเสร็จดัชนีแกว่งตัวไปกลับ 10 จุด มันเป็นเรื่องที่นักเล่นจับทางกันได้อยู่แล้ว “โมนิก้า” ถึงแนะนำให้แมงเม่าเทขายหุ้นทำกำไรเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้น เพราะเป็นรูปแบบเดียวที่ช่วยให้นักเล่นมีความคล่องตัวในการลงทุนเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของเจ้าจำปี THAI อาศัยจังหวะแรงซื้อไหลเข้ามามากกว่าคนอื่น เลยฉวยโอกาสเทกตัวขึ้นมาปิดที่ 29.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 2.46 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ลุ้นระทึกมากพอสมควร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้มันเกี่ยวข้องกับเงินในกระเป๋าล้วนๆ และทางเลือกในวันนี้มีแค่ “ขาย” กับ “ซื้อ” โดยตัวแปรหลักที่ใช้เป็นตัวชี้วัดในวันนี้คือ วอลุ่มหนุนเยอะไหม? หากเข้ามาเยอะ ไปต่อชัวร์..หากเข้ามาหร็อมแหร็ม ก็โกยเถอะโยม “อิอิอิ”

*เหมือนกับในรายของ CPF กระชากขึ้นมาปิดที่ 33.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับรายข้างต้นทุกอย่าง แต่ที่ดูดีขึ้นมานิดหนึ่งคงเป็นคำแนะนำจากกูรูสำนักต่างๆ ที่ยังเชียร์ให้เล่นต่อ จังหวะนี้ถึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างแท้จริง หากผ่านขึ้นไปได้แบบชิวๆ เดี๊ยนถือเป็นหุ้นที่น่าตามไปดูสุดๆ นะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TPBI กระชากขึ้นมาปิดที่ 15.70 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 280 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นมูฟเมนต์ที่น่าสนใจมากๆ เพราะวอลุ่มซัพพอร์ต แท่งเทียนเปิดสวย แต่ดันมาเสียตรงที่สัญญาณเทคนิคเส้น 75 วันตรงบริเวณ 16.30 บาท ขวางทางของหุ้นเต็มตัว บวกกับจุดไข่ปลาบนหัวโค้งตัวลงมาเรื่อยๆ มันไม่น่าเสี่ยงเข้าเล่นเลยจริงๆ เจ้าค่ะ

*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับการวิ่งขึ้นของ BFIT ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 11.40 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 10.70% ด้วยมูลค่า 185 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่โอเวอร์รีแอ็กต์เกินไปหน่อย หลังพรายกระซิบแอบเม้าท์ให้ฟังว่า ทุกอย่างยังหยุดนิ่งอยู่กับที่ ยังไม่มีดีลซื้อหุ้นเพิ่มเติมอย่างแน่นอน จึงเรียนให้แฟนคลับได้รับทราบกันอย่างถ้วนหน้าว่า อย่าบ้าจี้ให้มากนัก..คุณแม่ขอร้อง! นะคะ

*เหมือนกับไซเคิลของหุ้นเรือเทกอง TTA ที่เวียนมาบรรจบครอบรอบอีกครั้ง มันไม่ได้ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย เพราะในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาก็มีลักษณะการเคลื่อนตัวแบบนี้เกิดขึ้นให้เห็น 2 ครั้งด้วยกัน จากเดิมวิ่งไปมาในกรอบ 8-10 บาท ถัดมาขยับขึ้นไปอยู่ที่ 9.10-10.50 บาท ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.85 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่า 425 ล้านบาท มันต่างจากที่เดี๊ยนเล่าให้ฟังไหมล่ะค่ะ

*ส่วนรายที่แตกต่างแน่ๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ MINT ซึ่งเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นเวลาหลายปี แต่ราคาหุ้นไม่ค่อยซัพพอร์ตกับผลงานสักเท่าไหร่นั้น! ล่าสุดดูเหมือนว่า คนในวงการจะเริ่มเห็นความโดดเด่นที่มีอยู่ในตัว จึงพากันไล่ซื้อหุ้นตัวนี้อย่างช้าๆ จนวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ 40.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่า 890 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า P/E 20 เท่า หรือจะปรับเพิ่มค่า P/E 25 เท่า หุ้นตัวนี้จะมีราคาอย่างต่ำ 50 บาทนะจ๊

*เม้าท์ถึงหุ้นที่มีผลงานพลิกโฉมครั้งสำคัญ “โมนิก้า” ต้องหันมาดูพระเอกตัวจริง AJD เป็นรายถัดมาในทันที หลังผู้คนมากมายเชื่อมั่นว่า แผนธุรกิจเดินมาถูกทาง กำไรในครึ่งปีหลังจะเด็ดสะระตี่ แรงซื้อก็ไหลมาเทมาไม่หยุดหย่อน จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 2.32 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 5.45%  ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท ยิ่งทำให้คนเล่นมั่นใจมากขึ้นไปอีกขั้นว่า 3 บาทไม่ไกลเกินเอื้อม..เชื่อหัวน้องโมเถอะ!