เด้งสั้นๆโมนิก้าและทีมงาน
*หากเม้าท์มอยถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ “โมนิก้า” ก็มีคำอธิบายจากกูรูหลายสำนักนำมาบอกเล่า แต่เผอิญเดี๊ยนไม่ค่อยชอบเม้าท์เรื่องอย่างว่า เพราะมันไม่มันในอารมณ์ แถมไม่ได้รสชาติของชีวิต จึงขอนำแฟนคลับกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง เพื่อเตรียมพร้อมในการเล่นรอบที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังผู้คนในตลาดหุ้นยังใช้แนวทางเดิมๆ ในการลงทุนแรงน่ะสิ
เด้งสั้นๆ
*หากเม้าท์มอยถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ “โมนิก้า” ก็มีคำอธิบายจากกูรูหลายสำนักนำมาบอกเล่า แต่เผอิญเดี๊ยนไม่ค่อยชอบเม้าท์เรื่องอย่างว่า เพราะมันไม่มันในอารมณ์ แถมไม่ได้รสชาติของชีวิต จึงขอนำแฟนคลับกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง เพื่อเตรียมพร้อมในการเล่นรอบที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังผู้คนในตลาดหุ้นยังใช้แนวทางเดิมๆ ในการลงทุนแรงน่ะสิ
*วันนี้ “โมนิก้า” ยังยืนยันคำเดิม แนวทางเดิม ว่า วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้น เพราะการเด้งขึ้นของตลาดหุ้นไทยที่เกิดขึ้นในคราวนี้ มันเป็นผลมาจากวันก่อนๆ หุ้นไทยลงแรงเกินไป จึงมีแรงซื้อกลับมาช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แฟนคลับได้พบเห็นเป็นประจำ และวันนี้ก็คงได้เห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงไม่ต้องถามถึงตัวแปรอื่นๆ ให้เสียเวลาทำมาหากิน เพราะแค่มองจากพฤติกรรมการเล่นที่เห็นกันเป็นประจำ ก็รู้ได้ทันทีว่า ยังมีอะไรให้ลุ้นระทึกเยอะพอสมควร บวกกับข้อมูลบางอย่างที่ยังแทงกั๊กอยู่ร่ำไป “โมนิก้า” ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรรับรู้กันอย่างทั่วถึง เพื่อจะได้มองปลายทางว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง? เพราะที่ผ่านมา “ความเชื่อ” กับ “ความจริง” เดินสวนทางกันเป็นประจำน่ะสิ
*เหมือนกับในรายของ BANPU เด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ราวกับเป็นหุ้นน้องใหม่ “โมนิก้า” ถือเป็นแค่กิมมิคที่นักเล่นต้องอ่านจังหวะให้ขาด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ ยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญของหุ้น เนื่องจากสัญญาณเทคนิคบางตัวยังไม่ไปในทางเดียวกัน และการที่หุ้นพุ่งขึ้นมาปิด 16 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.58% ด้วยมูลค่า 2.27 พันล้านบาท ย่อมตีความได้ว่า รีบาวด์! หากจะกลับทิศจริงๆ วันนี้ต้องมีแรงซื้ออัดเข้ามาเพื่อหุ้นจะขึ้นทดสอบ 17 บาทนะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับ INTUCH ซึ่งวันก่อนเม้าท์ให้ฟังว่า คุ้มกับความเสี่ยงจริงไหม? หลังจากหุ้นไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ เป็นเวลาเดือนกว่าๆ สุดท้ายก็โดนเทขายทำกำไรอุตลุด จนหุ้นโค้งตัวลงมาเป็นสัปดาห์ ล่าสุดหุ้นปิดที่ 57.75 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.86% ด้วยมูลค่า 769.97 ล้านบาท ยิ่งทำให้หุ้นตัวนี้ดูไม่ดีเข้าไปอีก โดยแนวรับถัดไปอยู่แถว 54 บาท ขณะที่ยอดเก่าอยู่ที่ 64 บาท หุ้นแกว่งตัวขนาดนี้..ต้องเล่นรอบอย่างเดียวเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของน้อง BDMS อาศัยบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นเป็นแรงผลัก หุ้นถึงทะยานขึ้นมาปิดที่ 23.20 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.87% ด้วยมูลค่า 1.24 พันล้านบาท ถึงกระนั้นถ้ามองให้ลึกซึ้งกว่าเดิมจะเห็นว่า หุ้นตัวนี้มีดีอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องไปโปรโมตอะไรให้มากความ เพราะแค่รายงานตามเนื้อผ้าที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้หุ้นก็มีโอกาสขึ้นไปหายอดเก่า 25 บาทแล้วล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับพวกม้าตีนปลาย SAPPE กระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ชนิดหักปากกาเซียนไปหลายด้ามนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของไทม์ไลน์ที่เวียนมาบรรจบพอดี บวกกับเจ้าภาพใหญ่ยังเข้ามาเก็บหุ้นอีกรอบ ทุกอย่างเลยดูลงตัวแบบพอดิบพอดี พร้อมกับเกิดจินตนาการกว้างไกลไปถึงขั้นที่ว่า ราคาปิดที่ 31.75 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 7.63% เป็นบันไดอีกขั้นที่จะหนุนให้หุ้นทะยานขึ้นไปสร้างฐาน 35 บาทอีกครั้ง..จริงหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป.. “อิอิอิ”
*ส่วนหุ้นทีเด็ดทีขาดอย่าง WIIK กลายเป็นหุ้นที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดความรู้สึกแฮปปี้มาหลายครั้งด้วยกัน วันนี้ถึงไม่อยากจะออกตัวอะไรมากมายกว่าที่เป็นอยู่ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการวิ่งขึ้นมาทำราคาสูงสุดใหม่ด้วยการปิดที่ระดับ 5.25 บาท บวกไป 0.45บาท หรือขึ้นไป 9.38% ด้วยมูลค่า 294.24 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่า follow buy ขนาดไหน? คุณเท่านั้นที่รู้นะคะ
*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ทำให้เดี๊ยนยิ้มกรุ้มกริ่มกับท่าทีที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ก็คือ TACC ก็ของมันเห็นกันแบบจะจะ ว่า มีคนเข้ามาไล่เก็บหุ้นเข้าพอร์ต แถมมีข่าวเม้าท์ออกมาจากวงนักวิเคราะห์ที่ทำการสำรวจสุขภาพของหุ้นตัวนี้ก็พบว่า ราคาเป้าหมายขั้นต่ำอยู่ที่ 9.50 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นปิดที่ 9.35 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 235.06 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ชวนให้ติดตามจริงๆ เจ้าคะ
*เหมือนกับในรายของ ASEFA หากดูอย่างผิวเผินย่อมตีความว่า การทะยานขึ้นมาปิดที่ 8.20 บาท คงเป็นการไต่เพดานแบบพื้นๆ แต่ถ้าเจาะลึกลงไปอีกนิดหน่อยจะเห็นว่า ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม หุ้นยืนอยู่แค่ระดับ 6 บาท ต่อจากนั้นก็วิ่งขึ้นช้าๆ แบบไม่ให้ใครรู้ตัวแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงกล้าฟันธงว่า เป็นของดีที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรยาวๆ ..เชื่อหัวน้องโมเถอะ
*ส่วนรายที่หมดสภาพความยิ่งใหญ่อย่างราบคาบ จู่ๆ กลับพลิกฟื้นขึ้นมาหน้าตาเฉย “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ ORI หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 11.80 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 24.21% ด้วยมูลค่า 204.23 ล้านบาท แถมเป็นการดีดตัวขึ้นแรงในรอบเกือบ 1 ปี ทั้งที่ก่อนหน้าซึมกระทือเหมือนคนอมทุกข์ บรรดานักเล่นเลยสันนิษฐานกันว่า เสี่ย น. กับ เสี่ย ป. น่าจะมีส่วนรู้เห็น…ทราบแล้วเปลี่ยน!