ITD ขาดไปอย่างเดียวแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา  มีการลงนามสัญญาก่อสร้างระหว่างบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ AOT ในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 (ปีงบประมาณ 2554-2560) จำนวน 3 กลุ่มงานวงเงินรวม 14,910 ล้านบาท  โดยโครงการใหญ่สุดได้แก่งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) 

งานดังกล่าวมีบริษัทอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้รับเหมาได้ไปในวงเงิน 12,050.406 ล้านบาท

งานช้างอย่างนี้ ต้อง ITD ที่ถือคติ “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ” เสมอมาในฐานะยักษ์ใหญ่หมายเลข 1 ของวงการก่อสร้างไทย ที่ครองตำแหน่งนี้มานานกว่า 25 ปี ไม่มีเบื่อ

งานใหญ่ขนาดนี้ เท่ากับไปเติมแบ็กล็อก หรืองานที่ยังรอรับรู้รายได้ในอนาคต รวมแล้วมากถึง 200,000 ล้านบาทโดยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นโครงการที่ลงนามแล้ว และเริ่มทยอยลงนามแล้ว 30,000 ล้านบาทคืองานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่  1 และเชื่อว่าครึ่งปีหลัง (มิ.ย.-ธ.ค. 59) ITD จะมีงานเพิ่มอีก 50,000-60,000 ล้านบาท 

นายเปรมชัยกรรณสูต  กรรมการผู้จัดการ ITD เปิดเผยว่า  ในอนาคต ITD ยังมีงานรอประมูลขนาดใหญ่อีกหลายโครงการที่จะเข้ามาอีก ได้แก่ การประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 92,532 ล้านบาทอย่างน้อย 2 สัญญาโดยเฉพาะสัญญาก่อสร้างอุโมงค์ที่ ITD มีความเชี่ยวชาญ  และงานพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่เหลือ

งานที่พูดถึงมาเหล่านี้ ก็ตอกย้ำได้ดีว่า ITD ยังคงเดินหน้าคว้างานก่อสร้างภาครัฐต่อเนื่องไปอีกนานหลายปี ไม่ต้องห่วงกังวลว่าจะเหี่ยวแห้งเพราะขาดรายได้ในระยะยาว

งานเหล่านี้ ยังไม่นับรวมกับงานในระยะยาวที่บริษัทจะมุ่งไปรับงานก่อสร้างเมกกะโปรเจ็กต์ในต่างประเทศอีก เช่น งานปรับปรุงพัฒนาสนามบินในต่างประเทศ 3 โครงการใหญ่ได้แก่โครงการปรับปรุงสนามบินนานาชาติกรุงดักกาประเทศบังกลาเทศและสนามบินลาฮอร์ในเมืองลาฮอร์ประเทศปากีสถานมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาทคาดว่าจะเริ่มประมูลปลายปีนี้

นอกจากนี้ยังเตรียมประมูลงานก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ประเทศเวียดนามรองรับผู้โดยสารกว่า 75 ล้านคนมูลค่ากว่าแสนล้านบาทโดยคาดว่าจะเริ่มประมูลในกลางปี 2560 

โครงงานสร้างรายได้จากธุรกิจก่อสร้างขนาดใหญ่ เหล่านักวิเคราะห์หลายสำนักเคลิบเคลิ้มกันใหญ่  มองว่าราคามีอัพไซด์สวยกันถ้วนหน้า

นักวิเคราะห์บางสำนักเชียร์กันเอิกเกริกชนิดหน้าไม่อายเลยทีเดียวว่าอย่าไปมองตัวเลขปัจจุบันและอดีตล่าสุดที่ผ่านมาเลยมองไปในอนาคตดีกว่าเพราะว่าอัพไซด์มีเพียบโดยที่เหนียมๆ กว่าใครบอกว่าราคาเป้าหมายอยู่ที่ 8.40 บาท 

ที่หน้าทาซันบล็อกหนากว่าใครให้ราคาเป้าหมายมากถึง 12.00 บาทเลยทีเดียวโดยอ้างว่านอกจากงานก่อสร้างภาครัฐที่จะทยอยได้เรื่อยเพราะลุยไม่มีเลิกยังมีความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานีเป็นประเด็นสำคัญ แม้ว่าจะล่าช้ากว่ากำหนดไปมาก ก็ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว เพราะโครงการใหญ่ขนาด หลายหมื่นล้านดังกล่าว จะทำให้มีคุณูปการต่อมูลค่าหุ้น ITD ที่แม้จะคำนวณชนิดแบบอนุรักษนิยมแล้ว จะไม่ต่ำกว่า 5.00 บาทต่อหุ้นทีเดียว

เชียร์แขกกันแรงๆ อย่างนี้ ราคาหุ้น ITD เลยเข้าข่าย “จมไม่ลง”….. แม้จะขึ้นยากมาก เพราะนักลงทุนระดับแมงเม่าย้อนความหลังมองไปแล้ว เห็นรอยเลือดและปีกที่หักเกลื่อนกลาดของแมงเม่าถมทับเป็นภูเขาเลากาเลยทีเดียว

ไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องเชื่อ เพราะนี่คือหุ้นที่ฆ่าแมงเม่ามามากที่สุดรายหนึ่งในตลาดหุ้นไทยหลายปีมานี้

เหตุผลสำคัญคือ กำไรของบริษัท วิ่งสวนทางกับแรงเชียร์นักวิเคราะห์….ไตรมาสแล้ว ไตรมาสเล่า

ปี 2559 ราคาหุ้น ITD เปิดตลาดต้นเดือนมกราคมที่ระดับ 7.00 บาทแล้ววิ่งไปที่จุดสูงสุดของปีนี้ที่ระดับเกือบ 7.90 บาทก่อนจะซึมลงมาแบบไซด์เวย์ที่ระดับ 6.75 บาทล่าสุด 

สวนทางกับดัชนีของ SET ที่ปีนี้บวกขึ้นมา 20% อย่างชัดเจน

เหตุผลมาจากอะไร ……ดูงบบริษัทกันเอาเองว่าเลวร้ายแค่ไหน  

การเพิ่มทุนทุกปีต่อเนื่องปีละครั้งระหว่างปี 2555-2557  อาจจะมีส่วนทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นของ ITD ดูดีขึ้นแต่ไม่ได้ช่วยอะไรเรื่องทำกำไรที่นับวันถดถอยต่อเนื่องโดยขาดทุนต่อเนื่องกันในปี 2558-ครึ่งแรกของปีนี้แม้ไม่เยอะและไม่ทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นตกในอันตรายแต่ค่าพี/อีที่ระดับ 412 เท่า…ชวนสยองยิ่งนัก

 คงไม่มีนักลงทุนที่มีสติสตังและสมเหตุสมผลรายไหนบ้าบิ่นถึงขนาดเข้าซื้อหุ้นรายนี้เข้าเก็บในพอร์ต…. เว้นแต่เกิดอาการหน้ามืดตามัวเกินขนาดหรือกินยาผิดซอง

โจทย์ที่ผู้บริการของ ITD จะต้องตอบคำถามนักลงทุน…. ถ้าหากไม่มองข้ามหัวนักลงทุนมากเกินอย่างอหังการ… อยู่ที่การตอบคำถามว่านอกจากการรับงานก่อสร้างชนิดคว้าทุกอย่างที่ขวางหน้า…. เมื่อไหร่จะมีกำไรให้ชื่นใจได้เสียที

ที่สำคัญกำไรนั้นควรจะมากกว่าคาดและมาจากกำไรในการดำเนินงานไม่ใช่กำไรพิเศษหรือจากวิศวกรรมการเงิน

หากตอบไม่ได้…. หรือไม่ยอมตอบด้วยเหตุผลใดก็ตาม… ใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีความหมาย

เปล่าประโยชน์ใดๆ ทุกประการ

ทราบแล้วเปลี่ยน.  จ้าาาาาาา….!!!!!