เด้งขึ้น เด้งลงโมนิก้าและทีมงาน

*หากยังจำกันได้ และไม่หลงลืมกันไปเสียก่อน “โมนิก้า” เคยพูดถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังไม่มีอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ แถมรูปแบบการลงทุนยังเป็นลักษณะชักเข้าชักออกเหมือนเดิม ส่งผลให้ดัชนียังแกว่งตัวไปมาบริเวณ 1,530-1,550 จุดต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นผลมาจากคนขายหุ้นยังเดินหน้าขายหุ้นต่อไปเรื่อยๆ ส่วนคนซื้อเจ้าประจำ ก็ใช้จังหวะถอยซื้อ ภาพการลงทุนถึงดูอึ่นๆ ไงล่ะค่ะ


*หากยังจำกันได้ และไม่หลงลืมกันไปเสียก่อน “โมนิก้า” เคยพูดถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังไม่มีอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ แถมรูปแบบการลงทุนยังเป็นลักษณะชักเข้าชักออกเหมือนเดิม ส่งผลให้ดัชนียังแกว่งตัวไปมาบริเวณ 1,530-1,550  จุดต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นผลมาจากคนขายหุ้นยังเดินหน้าขายหุ้นต่อไปเรื่อยๆ ส่วนคนซื้อเจ้าประจำ ก็ใช้จังหวะถอยซื้อ ภาพการลงทุนถึงดูอึ่นๆ ไงล่ะค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีทรุดตัวลงมาปิด 1,539.71 จุด ลบไป 8.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.81 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ แถมวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ย่อมทำให้บรรยากาศการลงทุนดูเอื่อยเฉื่อยลงไปอีก และดูเหมือนเหล่านักเล่นจะทำใจยอมรับกับสภาพที่เกิดขึ้นได้ “โมนิก้า” ถึงไม่เห็นมีใครโหวกเหวกโวยวายเหมือนแต่ก่อน (สงสัยจะโดนหวยกิน) จึงสงบเสงี่ยมเจียมตัวกันเหลือเกินเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ SCC หลังจากเทกตัวผ่านแนวต้าน 540 บาท พร้อมกับปิดที่ระดับ 548 บาท บวกไป 18 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่า 4.31 พันล้านบาท เหมือนเป็นการล้างอาถรรพ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่เผอิญการเดินทางไกลยังมีอีก 1 แสนลี้ที่ต้องไปให้ถึง “โมนิก้า” จึงไม่สามารถสรุปความสำเร็จที่เกิดขึ้นวานนี้คือการบรรลุเป้าหมาย เพราะของจริงที่ได้รับการยืนยันต้องสร้างฐานเหนือแนวต้านให้ได้นะคะ

*เรื่องดังกล่าวดูตัวอย่างได้จาก CBG ทะยานขึ้นแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ระดับ 72.75 บาท บวกไป 1.75 บาท  หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.24 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ ตั้งแต่เดือน มี.ค. 59 โดยตอนนั้นหุ้นย่ำฐานอยู่แค่ระดับ 38 บาท มันทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้นตัวนี้แบบไม่กะพริบ เพราะผลตอบแทนที่ได้รับในช่วงระเวลา 6 เดือนสูงถึง 90%…ถึงกระนั้นต้องดูด้วยว่า วันนี้หุ้นเทรดบน P/E 52 เท่า มันใช่จังหวะที่ต้องเดินหน้าเข้าใส่หรือเปล่า?

*ผิดกับในรายของ IRPC กลายเป็นหุ้นสุดรักสุดโปรดที่ชอบเม้าท์ถึงเป็นประจำ โดยเฉพาะในยามที่หุ้นบวกสวนชาวบ้านชาวเมือง “โมนิก้า” มักหยิบยกโครงการที่ช่วยหนุนให้กำไรในอนาคตโตกระฉูดขึ้นมาเม้าท์เป็นประจำ และครั้งนี้ก็ยังขอพูดเหมือนเดิมว่า ไตรมาส 4 จะเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้การขึ้นมาปิดที่ 4.94 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2%  ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท กลายเป็นราคาฐานสำหรับการใช้ในการขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมนะจ๊ะ

*สำหรับยักษ์ใหญ่อสังหาฯ ที่มาแรงเมื่อ 2 ปี ก่อนอย่าง  S ยังเป็นอะไรที่น่ากังวลใจสุดๆ เพราะการเด้งขึ้นมาปิดที่ 5.55 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท โดยสัญญาณเทคนิคฟ้องว่า หุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไป บวกกับหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดเหนือเส้นแนวต้าน 200 วันแบบเฉียดฉิว “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นพลิกดูประวัติเก่าๆ ที่หุ้นเคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดแถว 12 บาท ต่อมาอีกปีทำได้แค่ 8 บาท ขณะที่ปี 59 จุดสูงสุดอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้..ยังจะกล้าเสี่ยงกันอีกเหรอค่ะ

*ส่วนในรายของ TCMC ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดของพวกขาลุย หลังหุ้นทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ก่อให้เกิดกระแสเม้าท์มอยกันอย่างเมามันว่า หุ้นจะขึ้นไปถึง 6.50 บาทเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อนไหม? เพราะองค์ประกอบหลายอย่างค่อนข้างเป็นใจ แถมวานนี้กระชากขึ้นมาปิดที่ 4.86 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท มันทำให้อะไรหลายอย่างดูเป็นสีชมพูไปหมดนะคะ

*เหมือนกับในรายของ EA กระชากขึ้นมาปิดที่ 26.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 590 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่น่า follow buy เสียเหลือเกิน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้มันเป็นเหมือนการตอบสนองกับผลประกอบการที่ดีขึ้น  แถมราคาเป้าหมายที่ผู้รู้หลายสำนักให้ไว้ก็อยู่เฉียดๆ 30 บาท จึงเหลือแก๊ปให้แฟนพันธุ์แท้ได้เล่นอีกเยอะเลยค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ AUCT หากมองตามภาพที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ “โมนิก้า” ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า กำไรกำลังมา วอลุ่มกำลังหนุน หุ้นน่าจะไปต่อได้สบายๆ บวกกับวานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 8 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่า 245 ล้านบาท เดี๊ยนถือเป็นจังหวะที่แฟนคลับขาประจำไม่ควรพลาด เพราะเราเห็นรอบวิ่งของหุ้นค่อนข้างชัดเจนเจ้าค่ะ

*ส่วนขวัญใจคนล่าสุดของ “โมนิก้า” ในเวทีตลาด mai คงต้องยกพื้นที่ให้กับ TACC หลังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่  9.75 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่า 133 ล้านบาท พร้อมกับพยายามยกตัวเองขึ้นไปสร้างฐาน 10 บาท มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องอ่านเกมให้ออกก่อนจะลุยต่อ เนื่องจากหุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไป จึงต้องพักเอาแรงก่อนกระชากขึ้นต่อ วันนี้ถึงอยากเห็นพวกสายย่อเข้าเก็บหุ้นไงล่ะค่ะ

*ปิดท้ายกันที่หุ้นโรงพยาบาลน้องใหม่ RJH เพื่ออัพเดตข่าวสารให้กับนักล่าหุ้นจองกันสักหน่อยว่า การที่หุ้นวิ่งขึ้นไปเปิดที่ราคา 22 บาท หลังจากนั้นลงมาปิดที่ 18.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 15.60% ด้วยมูลค่า 2.80 พันล้านบาท มันเหมือนเป็นการทดสอบแรงเทขายธรรมดาๆ หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นมานิดหนึ่งก็คือ “เขย่าเอาของ” เพราะสเต็ปการขึ้นลงของหุ้นตัวนี้เหมือนกับ CHG ทุกกระเบียดนิ้ว..งานนี้ใครอยากรู้รายละเอียดเป็นอย่างไร ให้ไปถาม บล.ธนชาต กันเอาเองนะคะ

Back to top button