4.0 ใต้บัญชาทายท้าวิชามาร
หลังร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ชนชั้นนำไทยเริ่ม “มองไปข้างหน้า” หวังว่าระบอบการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจได้ไม่ต่ำกว่า 6-7 ปี จะนำประเทศ “ก้าวกระโดดใหญ่” เหมือนสมัยจอมพลสฤษดิ์สร้างถนนมิตรภาพ เหมือนสมัยพลเอกเปรมเริ่มอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยหวังว่ารัฐบาลที่มั่นคงจะมุ่งลงทุนสาธารณูปโภคขนานใหญ่ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ และเมื่อมี “เลือกตั้งพิธีกรรม” การลงทุนต่างชาติก็จะไหลกลับมา
ใบตองแห้ง
หลังร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ชนชั้นนำไทยเริ่ม “มองไปข้างหน้า” หวังว่าระบอบการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจได้ไม่ต่ำกว่า 6-7 ปี จะนำประเทศ “ก้าวกระโดดใหญ่” เหมือนสมัยจอมพลสฤษดิ์สร้างถนนมิตรภาพ เหมือนสมัยพลเอกเปรมเริ่มอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยหวังว่ารัฐบาลที่มั่นคงจะมุ่งลงทุนสาธารณูปโภคขนานใหญ่ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ และเมื่อมี “เลือกตั้งพิธีกรรม” การลงทุนต่างชาติก็จะไหลกลับมา
ทั้งนี้ โดยไม่สนใจว่าโครงสร้างอำนาจไม่เป็นประชาธิปไตย (วุ่นวายเปล่าๆ) ไม่สนใจคืนความยุติธรรม สะสางความขัดแย้งแบ่งขั้วยาวนานนับสิบปี ไม่สนใจผลที่เกิดจากการใช้อำนาจ การละเมิดสิทธิเสรีภาพ ในช่วง 2 ปีกว่า “ชนะแล้วนี่” ชนะประชามติ 16.8 ล้านเสียงต่อ 10.6 ล้านเสียง ก็กลบฝังทุกอย่างแล้วเดินหน้า เพราะเชื่อว่าเมื่อคนส่วนใหญ่หยวนยอม คนเห็นต่างย่อมทำอะไรไม่ได้ สุดท้าย ถ้าลากถูไปสำเร็จ นำประเทศสู่ 4.0 ได้ ไอ้พวกนี้ก็ต้องกลับมายอมรับอยู่ดี
เหมือนที่ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ฝันถึงอนาคตสดใส ประเทศไทยใน “บูรพาภิวัฒน์” แล้วลงท้ายว่า “คนส่วนน้อย–ไม่น้อยเท่าไร ต้องขอย้ำ– ที่ท้อแท้เหนื่อยหน่ายกับปัญหาภายในประเทศ แปลกแยกกับรัฐบาล กับชนชั้นนำ ก็ต้องค่อยๆ ชักจูง หรือเชิญชวนให้เขาเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาโดยอาศัยภูมิศาสตร์ที่ดียิ่งนี้ให้ได้ ค่อยๆ เปลี่ยน และวันหนึ่งเมื่อทุกฝ่ายได้มีบทบาทในการนำพาประเทศทั่วถึงขึ้น เขาย่อมจะระลึกได้ว่ามีอะไรดีๆ อีกมารอประเทศไทยอยู่”
แน่ใจนะ ว่าง่ายดายปานนั้น เปล่า ไม่ได้หมายความว่าคน 10 ล้านจะต่อต้านขัดขวาง แต่ถามจริง คุณเชื่อหรือว่ากลไกรัฐราชการ ภายใต้ความคิดชี้นำอนุรักษนิยม จะนำประเทศไปสู่ 4.0 ได้
4.0 ไม่ใช่แค่วัตถุ หรือเทคโนโลยี มีรถไฟฟ้า มีพร้อมเพย์ ฯลฯ แต่ต้องมีระบอบที่คนเชื่อมั่นว่า เที่ยงตรงยุติธรรมพอประมาณ ไม่ใช่หนทางสู่ความสำเร็จถูกปิดกั้นด้วยระบบเส้นสาย ขณะเดียวกันก็ต้องมีสังคมที่เปิดกว้าง ให้เสรีภาพคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่คิดต่างอยู่ประเทศนี้ยาก
เพื่อนสื่อรายหนึ่งเล่าใน fb ว่าไปกินข้าวกับเพื่อนที่เป็นทหาร แล้วโดนตัดพ้อว่าพวก liberal ไม่ให้ความร่วมมือกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล
อุ๊บ๊ะ ฟังแล้วทั้งโกรธทั้งขำ คนที่ถูกทำให้แปลกแยก รู้สึกไม่มีส่วนร่วม ยังจะเรียกร้องอะไร คุณมีอำนาจแล้วอยากทำไรก็ทำไป ไม่ต้องมาสนใจหรอก จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ เราก็ต้องทำมาหากิน งอมืองอเท้าได้ที่ไหน มีเงินได้ก็ต้องเสียภาษี หนีได้ซะที่ไหน มีความจำเป็นก็ต้องใช้จ่าย ไม่ใช้ได้ไง เพียงแต่เศรษฐกิจอย่างนี้ ใครๆ ก็ต้อง “พอเพียง” แต่ถ้ารัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นแบบซื้อสินค้าหักภาษีได้ ใครจะโง่ไม่สนับสนุน (อยากหักภาษีตัวสั่นเลย เกิดมาไม่เคยซื้อ RMF ก็ซื้อยุคนี้สมัยนี้ล่ะ)
เปล่า ไม่ได้ต่อต้านเลยครับ แค่ไม่รู้สึกมีส่วนร่วม แต่ก็ทำมาหากินไป ฉะนั้นจะทำสำเร็จไหมก็อยู่ที่พวกท่าน จะวางอำนาจยาว 6-7 ปี วางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็ไม่สามารถต่อต้านได้ แค่ไม่ดูทีวีคืนวันศุกร์คงไม่เป็นไรมั้ง
โอกาสอยู่ในมือท่านแล้ว ถ้าคิดว่า 4.0 สั่งได้ ถ้าคิดว่าจะกลบฝังความถูกผิด ลบลืมความยุติธรรม ความเป็นธรรม แล้วบอกให้คนนับหนึ่งใหม่ สร้างสังคมใหม่ได้