เปิดบวก ปิดลบพลวัต 2016

อาการของตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ กำลังบ่งบอกถึงการสูญเสียความมั่นใจจากปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า แนวต้านของขาขึ้นแกร่งมากขึ้น แม้ว่าตัวเลขการวื้อสุทธิของต่างชาติก็ช่วยอะไรไม่ได้


วิษณุ โชลิตกุล

 

อาการของตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ กำลังบ่งบอกถึงการสูญเสียความมั่นใจจากปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า แนวต้านของขาขึ้นแกร่งมากขึ้น แม้ว่าตัวเลขการวื้อสุทธิของต่างชาติก็ช่วยอะไรไม่ได้

ที่สำคัญ ทำให้นักวิเคราะห์ที่เคยเป็นศาสดาชั่วขณะ มีสภาพเป็นเด็กเลี้ยงแกะที่เชื่อถือไม่ได้กันเลยทีเดียวเพราะทายอนาคตผิดพลาดร้ายแรง

การที่ดัชนี SET และ Set 50 Futures เปิดตลาดในแดนบวกและดันไปปิดตลาดภาคเช้าในจุดสูงสุด แต่เมื่อเปิดตลาดกลับมีแรงเทขายออกมาจนดัชนีท้ายตลาดปิดลบไปแรงพอสมควร ทำให้แรงเหวี่ยงในวันเดียวจากบวกสูงสุด 13 จุดเศษ เป็นต่ำสุด ลบไป 9 จุด เท่ากับว่า วานนี้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนในวันเดียวมาก ถึงเกือบ 23 จุด ทำให้คำอธิบายและการคาดเดาต่างๆ ในภาคเช้า และภาคบ่ายต่างกันชนิดไม่น่าเชื่อ

ตอนที่ปิดตลาดภาคเช้าวานนี้  ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่ง 13.88 จุด มีคำอธิบายว่า เป็นเพราะนักลงทุนตอบรับโอกาสเฟดฯขึ้นดอกเบี้ยน้อยลงหนุนให้ฟันด์โฟลว์ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง และค่าเงินเอเชียแข็งค่าต่อไป

ปฏิกิริยาเชิงบวกจากการที่ตัวเลข ดัชนีภาคบริการสหรัฐฯที่ประกาศโดย สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ในเดือน ส.ค.ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี มองโอกาสที่เฟดฯจะขึ้นดอกเบี้ยช่วงเดือนนี้มีน้อยลง ยังจะติดตามมาด้วยข่าวดีในการประชุมธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB วันนี้ ซึ่งคาดหมายว่า อาจจะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ดังนั้น จึงมีการฟันธงว่า ตลาดภาคบ่ายวานนี้ จะต้องมีการแกว่งตัวบวกต่อไปหาแนวต้าน 1,515-1,520 จุด

คำอธิบายเสริมต่อไปคือ ก่อนหน้านี้ 2 วัน   ตลาดหุ้นไทยได้ถูกรบกวนจากแรงเทขายอย่างตื่นตระหนกถึง “ข่าวลืออันไม่เป็นมงคล” หรือ Panic Sell ไปแล้ว จากนี้ไปก็คงจะค่อย ๆ สร้างฐานและฟื้นตัวขึ้นได้

การวิเคราะห์ดังกล่าวผิดพลาดสิ้นเชิง เพราะในภาคบ่าย ดัชนี SET ถูกแรงขายออกมาถล่มจนถึงท้ายตลาดฯโดยหุ้น SCC นำดิ่งในช่วงท้ายตลาดฯ  ทำให้ดัชนีปิดตลาดฯช่วงบ่ายลดลง 9.70 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56,363.87 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯจึงออกมาระบุตรงกันข้ามว่า ในช่วงเช้า ดัชนีบวกแรงเพราะการปิดสถานการณ์ทำชอร์ต หรือ Short Covering แต่เมื่อหมดแรงซื้อตลาดฯก็กลับมาแกว่งไซด์เวย์รอดูแรงซื้อจากต่างชาติ-ปัจจัยใหม่

การคาดเดาของนักวิเคราะห์ที่ออกมาในเชิงลบ จึงไม่แปลกเพราะน้ำเสียงส่วนใหญ่จะแปรเป็นว่า ในอีก 2 วันของสัปดาห์นี้ ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ไร้ทิศทางรอปัจจัยใหม่ โดยมีแนวรับที่ 1,480 จุด ซึ่งหากหลุดลงไปแล้ว อาจจะลงยาว ส่วนแนวต้านก็ปรับต่ำลงมาที่ระดับ 1,500-1,520 จุด

มายาคติของอนาคตนั้น มี 2 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรู้และมายาคติที่มีคนนิยามเอาไว้ 2 คำคือ 1) คำว่า กับดักของพลาโต 2) นิทานเปรียบเปรยว่าด้วยมนุษย์ถ้ำ

เรื่องแรกนั้น ต้องการเย้ยหยันว่า คนที่นำเอาข้อมูลเชิงสถิติในอดีตมาทำนายอนาคตอย่างพร่ำเพรื่อนั้น มีโอกาสผิดพลาดได้เสมอ หากใช้อย่างเลอะเทอะ

ตัวอย่างสถิติที่ใช้การไม่เคยได้ผลคือ สถิติว่าด้วยการแข่งขันกีฬา ที่ไม่สามารถบอกได้ว่า คนหรือทีมที่เคยชนะมาตลอดนั้น จะชนะตลอดไป แม้กระทั่งกับคู่แข่งขันเดิมๆ ที่ซ้ำซาก เพราะรายละเอียดของชัยชนะนั้น มีความแตกต่างกันไป ขึ้นกับสถานการณ์ และเงื่อนเวลา

ส่วนเรื่องของมนุษย์ถ้ำอันแสนคลาสสิกนั้น ก็เตือนใจว่า มนุษย์ถ้ำที่ถูกกักขังให้รับรู้ข้อมูลในขีดจำกัด จนฝังแน่นกับความรู้ว่าเป็นสัจจะ ย่อมมองไม่เห็นความจริงทั้งหมดที่รอบด้าน

วันหนึ่ง มนุษย์ถ้ำคนหนึ่ง ได้เล็ดรอดออกไปจากถ้ำได้สำเร็จ ออกไปสู่โลกภายนอก เขาไม่คุ้นเคยกับมันในระยะแรกๆ เสมือนปัญญาชนที่ได้รับการศึกษา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ได้เรียนรู้ว่า โลกภายนอกนั้นเป็นอย่างไร และกลับมาบอกเล่ากับคนในถ้ำ ว่า เงาบนผนังนั้น มันคือมายา และสัจจะแท้จริงคืออย่างไร

มนุษย์ถ้ำคนอื่นๆ ไม่เพียงไม่ยอมรับเท่านั้น ยังกล่าวหาเขาว่า มีตาแต่หามีแววไม่ แล้วก็พากันฆ่าเขาให้ตาย เพราะเขาคือนักหลอกลวงที่กำลังทำลายความสงบสุขของสังคม

มนุษย์ถ้ำที่พบโลกภายนอกและกลับมาถูกฆ่าตาย พลาโตอาจะต้องการหมายความถึงแค่เพียงอาจารย์ของเขา โสกราตีส คนที่ชาวเมืองเอเธนส์ ออกคำสั่งให้เลือกถูกเนรเทศ 10 ปี หรือดื่มยาพิษ ซึ่งเขาเลือกเอาอย่างหลัง

นิทานดังกล่าวเตือนสติว่า สัจจะนั้น ซ่อนอยู่ลึกลงไปกว่าพื้นผิวของความรู้ที่โสตประสาทสัมผัสได้ มนุษย์ที่ฉลาด พึงต้องทะลวงผ่านโลกแห่งมายา โดยไม่พึงพอใจกับเงาของสัมบูรณาภาพบนผนังถ้ำ

การวิเคราะห์ที่ผิดพลาดของนักวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยวานนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรแก่ความเห็นใจ เพราะสถานการณ์ที่นอกเหนืออการควบคุมเช่นนี้ ใครก็ทำผิดพลาดได้เสมอ

 

Back to top button