ทุน‘ฟันด์โฟลว์’1,457จุดลูบคมตลาดทุน
ต้นทุนของนักลงทุนต่างชาติรอบนี้ หรือช่วงจาก 15 ก.พ.59 ถึงปัจจุบัน อยู่ที่ระดับดัชนีเฉลี่ย 1,457 จุด
ธนะชัย ณ นคร
ต้นทุนของนักลงทุนต่างชาติรอบนี้ หรือช่วงจาก 15 ก.พ.59 ถึงปัจจุบัน อยู่ที่ระดับดัชนีเฉลี่ย 1,457 จุด
นี่เป็นข้อมูลจาก CNS Strategist Comment หรือของ โนมูระฯ
และหากดูเรื่องของต้นทุนค่าเงินบาทเฉลี่ย 35.14 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็จะได้ผลสะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติมีกำไรจากค่าเงินอยู่เพียง 1% เท่านั้น
ส่วนกำไรจากตลาดหุ้นค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.4%
สรุป คือ ดัชนีที่อยู่ระดับปัจจุบัน ยังไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกมาช่วงนี้
แม้ว่าวันก่อนหน้านี้(อังคาร 6 ก.ย.) นักลงทุนต่างชาติจะมีการขายสุทธิออกมากว่า 821 ล้านบาท
ทว่า ก็ถือเป็นการขายตามปกติ ที่จะต้องมีการทำกำไรระหว่างทางออกมาบ้าง
ส่วนวานนี้ กลับมาซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อย 421 ล้านบาท ส่งผลให้นับจากช่วงต้นปี 2559 มาถึงวานนี้(7 ก.ย.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้ว 1.18 แสนล้านบาท
แต่ภาพโดยรวมแล้ว นักลงทุนต่างชาติจะยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอยู่ และจะซื้อต่อไปเรื่อยๆ หากมีจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นที่เป็นเป้าหมาย
อย่างเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ก.ย. ตลาดผันผวน และหุ้นหลายๆ ตัวปรับลงมาอย่างไรเหตุผล
ทำให้เป็นจังหวะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสวนนักลงทุนไทยทันที เพราะเขามองที่พื้นฐาน มองหุ้นเป็นรายตัว และประเมินว่า ข่าวลือจะไม่กระทบต่อผลประกอบการและพื้นฐานหุ้นนั้นๆ
ผมคุยกับคุณกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน (กลยุทธ์การลงทุน) บล. โนมูระ พัฒนสิน ซึ่งเขาก็ยังแสดงความมั่นใจว่า ต่างชาติจะยังคงไม่ขายหุ้นไทยในช่วงนี้
ทว่า มีข้อยกเว้นอยู่
เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมของ FOMC ช่วงปลายเดือนก.ย.นี้
แต่จากการประเมินของโนมูระฯ มีความเป็นไปได้เพียง 25% เท่านั้นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย
มุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับนักวิเคราะห์ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ที่ต่างออกมาปรับความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจากระดับ 31% ลงมาเหลือเพียง 26%
คุณกรภัทร บอกว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้น มาจากการจ้างงานกลุ่มบริษัทเชลล์ เป็นส่วนใหญ่
แต่ในส่วนของเศรษฐกิจจริง หรือ Real Sector ยังคงเป็นไปอย่าง “เปราะบาง” และมีทิศทางไม่แน่นอน ดีบ้าง แย่บ้างสลับกันไปในแต่ละเดือน
และต่างชาติเอง ก็ยังมั่นใจว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาอันใกล้แน่นอน
สังเกตได้จากยังเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอย่างเกาหลี และไต้หวัน
ขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์ที่ต่างชาติมีการขายออกมากันมาก จนกดดันดัชนีตลาดหุ้นฟิลิปปินส์มาโดยตลอด เพราะตลาดหุ้นของเขาถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุน
ทีนี้ก็มีคำถามต่อว่า หากต่างชาติยังไม่ขาย และจะไปขายตอนไหน
และต้องรอกำไรมากแค่ไหน
คำตอบก็คือ หากในเดือนธ.ค.นี้ เฟดส่งสัญญาณชัดเจนเช่นเมื่อปลายปี 2558 ว่าจะปรับขึ้น ซึ่งนั่นอาจคือจุดเริ่มที่ฟันด์โฟลว์เริ่มขายหุ้นออกมา
แต่ก็ยังมีข้อแม้ด้วย
หากผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่ ผลประกอบการของ “บจ.” มีทิศทางที่เพิ่มขึ้น
การเมืองยังเดินไปตามโรดแมป และการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ
นักลงทุนต่างชาติ ก็อาจยังไม่ขาย หรือซื้อถือยาวไปเรื่อยๆ กระทั่งมีกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ ก็จะมีการขายทำกำไรออกมา ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
อย่างว่าแหละนะ ปีนี้ต้องจับตาฟันด์โฟลว์กันเป็นพิเศษ
เพราะดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้นมาจากต้นปี 19-20% ก็ได้แรงซื้อจากทุนต่างชาติ
ส่วนพอร์ตของโบรกเกอร์ หรือนักลงทุนมักชอบเรียกกันว่า “ปอบผีฟ้า” ก็ต้องจับตามองเช่นกัน เพราะปกติแล้ว ไม่ค่อยซื้อสะสมมากขนาดนี้ แม้ในช่วงวันที่ 1-7 ก.ย.ที่ผ่านมาจะขายสุทธิออกมาแล้ว 4.17 พันล้านบาท
แต่จากต้นปีมาถึงวานนี้ก็ยังเหลือซื้อสะสมอยู่ค่อนข้างสูง 1.81 หมื่นล้านบาท
หรือไล่ซื้อตามฟันด์โฟลว์มาโดยตลอด