รูดมหาราชโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของการลงทุนวานนี้ทำให้ “โมนิก้า” รำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งตลาดหุ้น panic จากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมขึ้นมาทันที เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 สัปดาห์เป็นข้อมูลที่ทำให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง..อย่าวางใจหุ้น เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ มันเป็นเรื่องของเกมข่าวสาร ซึ่งมีผลต่อการลงทุนโดยตรงนะจะบอกให้

*ที่สำคัญคือ หากนับการขึ้นลงของดัชนีในเที่ยวนี้จะเห็นว่า ดัชนีลงหนัก 2 วัน ลงเบาๆ 1 วัน ขึ้นแบบไม่เต็มใจอีก 1 วัน รวมเบ็ดเสร็จร่วงลงมา 66 จุด… หากนับถอยหลังไปอีก 2 วัน ดัชนีก็ร่วงลงมาประมาณ 93 จุด “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนมองสาเหตุที่ทำให้ดัชนีลงมาปิดที่ 1,455.38 จุด ลบไป 31.82 จุด ด้วยมูลค่า 8.16 หมื่นล้านบาท มันใช่ตอนจบของเรื่องนี้หรือเปล่า?

*หากมองว่า ยังเดินมาไม่ถึงตอนจบของเรื่อง ก็ต้องมองแนวรับ 1,450 จุดยังทำงานหรือเปล่า? หากจุดดังกล่าวยังเอาไม่อยู่จริงๆ ดัชนีจะถอยลงมาถึงแนวรับสุดท้าย 1,395 จุดไหม? “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่แฟนคลับต้องอ่านจังหวะดังกล่าวให้เป็น และควรเข้าเก็บหุ้นให้ถูกจังหวะ พร้อมกันนั้นควรตั้งอยู่บนความเป็นจริงว่า ทุกคนพร้อมสาดหุ้นเมื่อรู้สึกมีอะไรบางอย่างมาสะกิดใจนะจะบอกให้

*เรื่องนี้ดูได้จากการทิ้งหุ้นอย่างหนักหน่วงของกองทุนตัวแสบเป็นจำนวน 3.23 พันล้านบาท ขณะที่ปอบผีฟ้าซึ่งเป็นผู้ร้ายเมื่อวันก่อน ก็ดอดเข้ามาเก็บหุ้น 148 ล้านบาท ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวก็เก็บหุ้นเข้าไป 626 ล้านบาท โดยที่แมงเม่าตัวกลั่นกระโจนเข้าใส่เนื้อๆ เน้นๆ 2.46 พันล้านบาท มันสะท้อนอะไรหลายอย่างที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเป็นกังวลว่า วันนี้หุ้นมีสิทธิ์รูดมหาราชอีกวันเจ้าค่ะ

*ขนาดเจ้าจำปี THAI ซึ่งเป็นหุ้นที่มีการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง แถมมีสตอรี่หล่อเลี้ยงเป็นอย่างดี ยังโดนถล่มจนร่วงลงมาไม่ต่ำกว่า 5 วัน (ถ้ารวมวันนี้เข้าไปด้วย) ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงมายืนอยู่ที่ 23.90 บาท ลบไป 2.10 บาท หรือลงไป 8% ด้วยมูลค่า 2.62 พันล้านบาท มันทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจขึ้นไปอีกขั้นว่า เกมนี้ถูกเซตฉากโดยเหล่ากองทุนตัวแสบ พอถึงเวลาทุบเพื่อทำกำไร หุ้นถึงไหลลงจาก 32 บาทอย่างง่ายดายไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CBG ไหลลงจากราคา 73.50 บาทเหมือนคนไม่มีหูรูด จนสุดท้ายลงมากองอยู่ที่ 59.75 บาท ลบไป 5.25 บาท หรือลงไป 8% ด้วยมูลค่า 1.56 พันล้านบาท และทำท่าจะอ่อนตัวลงไปยืนแถว 55.50 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นโมเมนต์ของพวกกองทุนตัวแสบที่ต้องคิดหนัก เพราะแมงเม่าอย่างเราๆ ท่านๆ คงตัดใจขายขาดทุนไปก่อนหน้านี้กันหมดแล้วล่ะ

*ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการเซถลาของหุ้น BANPU เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แถมยังเป็นการเปิดแก๊ปกระโดดลงหลายช่อง แสดงว่า ไม่ต้องการถือหุ้นต่อไปจริงๆ ถึงถล่มหุ้นแบบไม่เลี้ยง ล่าสุดหุ้นอ่อนตัวลงมายืนอยู่ที่ 14.90 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 6.90% ด้วยมูลค่า 1.86 พันล้านบาท มันมองได้ 2 มุม คือ  หุ้นมีโอกาสไหลลงต่อ กับ หุ้นมีโอกาสตีกลับ หลังลงมายืนตรงเส้นแนวรับพอดี ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า กองทุนเอาหุ้นตัวนี้หรือเปล่า?

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูหุ้นพระเอกตัวจริง AJD เพื่อเป็นการเปลี่ยนอารมณ์จาก  “กองทุนตัวแสบ” มายัง “ปอบผีฟ้า” หลังพรายกระซิบคาบข่าวมาเล่าให้ฟังว่า หุ้นตัวนี้มีการขอมาร์จิ้นมาเล่นค่อนข้างเยอะ เมื่อสถานการณ์ไม่เอื้อให้หุ้นวิ่งขึ้นไปทำฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม จึงมีแรงเทขายจากกลุ่มขาใหญ่ออกมาเยอะแยะ วานนี้ถึงเห็นหุ้นทรุดลงมายืนอยู่ที่ 1.84 บาท ลบไป 0.28 บาท หรือลงไป 13.20% ด้วยมูลค่า 565 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ยืนที่ 2.50 บาท ถึงเวลาซื้อหรือยัง..คงต้องถาม เสี่ย ย. กันเอาเองแล้วล่ะ

*เหมือนกับในรายของ SUPER ทรุดตัวลงมากองอยู่ที่ 1.48 บาท ลบไป 0.19 บาท หรือลงไป 11.40% ด้วยมูลค่า 640 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นแพทเทิร์นเดียวกันกับรายข้างต้นที่กล่าวถึง และเมื่อดูจากข้อมูลที่พรายกระซิบมาเล่าให้ฟังในเที่ยวนี้ ก็ทำให้เดี๊ยนสะดุ้งโหยงในทันที หลังผู้เล่นจากทั่วสารทิศพากันหนีตายกันอย่างอลหม่าน วันนี้ถึงต้องดูว่า ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นที่แนวรับ 1.47 บาทหรือเปล่า?

*อีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” ให้เป็นของแถมเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสักหน่อยก็คือ ABC ซึ่งมีข่าวเม้าท์ลับหลังกันอย่างสนุกสนานว่า ตัวการทำเรื่องหุ้นเป็นคนใกล้ตัวมากๆ ชนิดที่ทุกคนเปรียบเปรยไปถึงขั้นที่ว่า เส้นผมบังภูเขา! เดี๊ยนในฐานะคนชอบเผือกอยู่แล้ว จึงเข้าไปแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างก็พบว่า พวกที่ไปเรียนโครงการพิเศษอะไรบางอย่างนั่นแหละ คือก๊วนที่ดันหุ้นและทุบหุ้น..จริงเท็จประการใด? ดูจากสภาพหุ้นที่ขึ้นไปถึง 0.69 บาท ล่าสุดวานนี้อยู่ที่ 0.36 บาท โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน..โหดตัวพ่อไหมล่ะค่ะ

*สรุปสุดท้ายอีกครั้งว่า หุ้นตกคราวนี้ทำให้ “โมนิก้า” ได้เรียนรู้พฤติกรรมของกองทุนตัวแสบ อาการวิตกกังวลบางอย่าง และการมอบตัวของหุ้นที่ขอมาร์จิ้นไว้เยอะๆ ฯลฯ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เดี๊ยนต้องการให้ทุกคนจดจำ เพื่อเอาไปใช้ในอนาคต เพราะการที่หุ้นใน SET เหลือบวกแค่ 17 ตัว และหุ้นในตลาด mai เหลือบวกแค่ 2 ตัว มันไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แถมยังมีหุ้นตัวแสบอีกหลายตัวที่ไม่ได้กล่าวถึง..มันเป็นเรื่องที่เดี๊ยนเล่าได้ไม่หมด นักเล่นต้องไปดูกันเอาเองเจ้าค่ะ..โปรดฟังอีกครั้ง!