ไร้ปัจจัยใหม่พลวัต 2016
ตลาดหุ้นไทยใช้เวลา 6 วันทำการ ร่วงจากระดับเหนือ 1,550 จุด มาอยู่ที่ปิดตลาดวานนี้ 1,453 จุด หรือติดลบลงไปเกือบ 100 จุด หรือ 6% โดยกลุ่มที่ขายหนักว่าใครคือ กองทุนรวม ตามด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ และรายย่อย ในขณะที่ต่างชาติยังคงเดินหน้าเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องหลังจากที่ซื้อมายาวนานกว่า 2 เดือนแล้ว
วิษณุ โชลิตกุล
ตลาดหุ้นไทยใช้เวลา 6 วันทำการ ร่วงจากระดับเหนือ 1,550 จุด มาอยู่ที่ปิดตลาดวานนี้ 1,453 จุด หรือติดลบลงไปเกือบ 100 จุด หรือ 6% โดยกลุ่มที่ขายหนักว่าใครคือ กองทุนรวม ตามด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ และรายย่อย ในขณะที่ต่างชาติยังคงเดินหน้าเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องหลังจากที่ซื้อมายาวนานกว่า 2 เดือนแล้ว
คำอธิบายของรองผู้จัดการตลาด ดร.สันติ กีระนันทน์ ที่ว่า การร่วงของดัชนีเกิดจาก 2 ปัจจัยหลักคือ 1) ราคาหุ้นในตลาดไทยค่อนข้างสูงเกินไป จนยากจะขึ้นต่อ 2) การปล่อยข่าวลืออันไม่เป็นมงคลที่ทำให้เกิดแรงเทขายออกมามากจนร่วงแรง เป็นคำอธิบายที่กระชับอย่างยิ่ง
ในอีกมุมหนึ่ง นักวิเคราะห์ก็มีสองกลุ่มที่เสียงแตกออกไป กลุ่มหนึ่งมองในภาพลบว่า การปรับตัวลงแรงทำจุดต่ำสุดของดชันีตลาดหุ้นไทยในรอบ 2 เดือน เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวก และในทางทางเทคนิคเมื่อหลุดระดับที่กำหนดไว้ ก็จะเกิดโปรแกรมเทขายด้วยคอมพวิเตอร์ออกมา แล้วทำให้แนวโน้ม กลับมาเป็นขาลงอีกรอบ โดยมีแนวโน้มว่าวันนี้ ตลาดจะยังคงซึมตัวเพราะยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ขณะที่ฟันด์โฟลว์น่าจะยังชะลอ โดยต่างชาติเริ่มย้ายพอร์ตลงทุนจากตลาดหุ้นไทยไปยังไต้หวันและโตเดกียวมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยไม่มีสัญญาณซื้อรอบใหม่
อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าเมื่อดัชนีร่วงมามากกว่า 3% แล้ว ตามสัญญาณทางเทคนิค จะต้องรีบาวด์กลับรอบหนึ่งประมาณ 20 จุด ดังนั้น จึงควรเข้าซื้อในการทำกำไรช่วงตลาดขาลงระยะสั้นๆ เป็นการทำกำไรในช่วงขาลง ซึ่งคำแนะนำนี้ นักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ระบุตรงกันว่า พูดง่าย แต่ทำยากมาก เพราะเสี่ยงเกินไป
ที่น่าสนใจคือกลุ่มนักวิเคราะห์หลังนี้ ฝากความหวังว่า ในระยะเฉพาะหน้า ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ ที่คาดว่าจะเพิ่มวงเงิน QE อาจเป็นบวกกับหุ้นยุโรป ซึ่งแม้จะไม่ได้มีผลกับหุ้นในเอเชีย แต่หาก ECB ลดดอกเบี้ยก็อาจจะมีน้ำหนักต่อหุ้นตลาดเอเชียบ้าง
นอกจากนั้นก็ยังหวังอีกว่า ตัวเลขตลาดแรงงานในสัปดาห์นี้ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน คาดว่าจะออกมาไม่ค่อยดี ซึ่งจะเป็นบวกต่อราคาทองคำ จะช่วยหนุนคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ได้
เอาเข้าจริง ความหวังทั้งสองอย่างก็ไม่เป็นจริง และทำให้ผิดหวังมากขึ้นไปอีก
ผลการประชุม ECB วานนี้ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และ ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ตามเดิม รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน และไม่มีการขยายช่วงเวลาในการดำเนินนโยบายดังกล่าวที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017 โดยระบุเพียงว่าจะมีการขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไป หากมีความจำเป็น
มติดังกล่าว เท่ากับไม่มีอะไรใหม่เลยในการประชุม ทำให้ตลาดยุโรปร่วงหนักด้วยความผิดหวังที่ไม่มีมาตรการเพิ่มเติมที่จะทำให้ตลาดมีประเด็นเดินหน้าเป็นขาขึ้น
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวในช่วงบนของกรอบ 101 เยน สวนทางกับค่าเงินยูโรที่พุ่งขึ้น
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 259,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ตรงกันข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ขอ้มูลดังกล่าวชี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้อยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 79 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970
ตัวเลขดังกล่าว ช่วยสนับสนุนอิทธิพลของสายเหยี่ยวในเฟดฯที่ต้องการให้เฟดฯขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำติดพื้นมายาวนาน หลังจากที่ชะลอมาตั้งแต่การปรับขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา
ข้อมูลหลังสุดนี้ ทำให้ความคาดหวังว่าเฟดฯจะเลื่อนขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ออกไป ลดลงไปไม่น้อย
เมื่อความหวงัเลื่อนลอยว่า ข้อมูลที่ทำให้ความเชื่อว่าฟันด์โฟลว์จะยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอีกยาวนาน (โดยอาศัยข้อมูลต่างชาติยังหอบเงินเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยไม่ขาดสาย) เจือจางลงไปไม่น้อย
วันศุกร์ที่ 9 เดือน 9 นี้ อะไรที่จะเกิด ไม่ว่าดีหรือร้าย ก็ล้วนสามารถเกิดได้ทั้งสิ้น และเหยื่อของชะตากรรม ย่อมหนีไม่พ้นคนที่ประมาท ชอบฝากชีวิตไว้กันคนอื่น