“อารมณ์” เหนือ “เหตุผล”โมนิก้าและทีมงาน

*ในเมื่อวอลุ่มเทรดไม่มา กระแสหลักยังไม่เกิด ข่าวทีเด็ดไม่เห็นมี ทุกอย่างมีแต่คำว่า “ไม่” บวกกับคนห่วงเรื่องลึกลับซับซ้อน บรรยากาศการลงทุนถึงวังเวงวิเวกโหวเหว หุ้นบลูชิพถึงจมปลักอยู่ที่เดิม บวกกับท่าทีของนักลงทุนสถาบันเทขายหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้การขึ้นเที่ยวนี้ออกจะเป๋ๆ ไปสักหน่อย แถมทิศทางที่ชัดเจนยังไม่เกิดขึ้นอย่างบูรณาการ มันเหนื่อยใจนะเนี่ย!


*ในเมื่อวอลุ่มเทรดไม่มา กระแสหลักยังไม่เกิด ข่าวทีเด็ดไม่เห็นมี  ทุกอย่างมีแต่คำว่า “ไม่” บวกกับคนห่วงเรื่องลึกลับซับซ้อน บรรยากาศการลงทุนถึงวังเวงวิเวกโหวเหว หุ้นบลูชิพถึงจมปลักอยู่ที่เดิม บวกกับท่าทีของนักลงทุนสถาบันเทขายหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้การขึ้นเที่ยวนี้ออกจะเป๋ๆ ไปสักหน่อย แถมทิศทางที่ชัดเจนยังไม่เกิดขึ้นอย่างบูรณาการ มันเหนื่อยใจนะเนี่ย!

*งานนี้ไม่ต้องไปถามใจคนอื่นให้เสียเวลา แค่ถามใจตัวเองว่า คิดอย่างไรกับการเล่นหุ้นในวันนี้ ถ้าคิดว่าใช่..ก็ใส่ไปเลย ถ้าคิดว่าไม่ใช่..ก็ถอย การเล่นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรต้องมายด์ คอนเซ็ปต์เดิมๆ ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ เก็บเข้ากรุไปได้เลย เพราะมันไม่มีรูปแบบตายตัว หุ้นหน้าตาดีๆ ยังถูกถล่มจนไม่หลงเหลือสภาพ มันก็เป็นผลมาจาก “อารมณ์” มันไม่ให้ จึงมองข้าม “เหตุผล” ไปหมดเสียทุกอย่างพะยะค่ะ

*ประเด็นข้างต้นที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ทำให้มีข่าวลือเยอะแยะไปหมด หลังจากหมดความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ก็มาถึงคิวความเชื่อมั่นขึ้นมายึดหัวหาด ถัดมาก็เป็นเรื่องท่าทีเฟดขึ้นดอกเบี้ย พร้อมกับมีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา  โดยไม่มีใครรู้ความจริงเป็นเช่นไร? “โมนิก้า” ถึงกับร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา พร้อมกับร้องซี๊ดซ๊าดไม่หยุดปากกันเลยทีเดียวเจ้าค่ะ

*เดี๊ยนถึงพยายามบอกให้เหล่านักเล่นเข้าใจเกมการเงินให้ดีๆ และอย่าหลงเข้าไปเล่นเกมคนอื่นเป็นอันขาด…งานนี้ไม่ได้บอกให้เชื่อสิ่งที่เดี๊ยนเม้าท์ให้ฟัง แต่อยากให้ดูจุดเริ่มของแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่สวยงามเอาเสียเลยในตอนแรก แต่หลังจากนั้นจะเต็มความสวยงามที่น่าหลงใหล  “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องกลไกของตลาดหุ้นมักปรับสมดุลด้วยตัวของมันเอง จึงขอปล่อยเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกรรมนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ JAS หากมองถึงข่าวสารที่เม้าท์กันปากต่อปาก พอเข้าใจได้ว่า  มันเป็นคิวที่หุ้นต้องทะยาน ก็ในเมื่อมีการชงหวานให้ถึงที่เสียขนาดเนี้ย! คนที่รับไม้ต่อก็จำเป็นต้องโหมโรงให้มันคึกคักไปอีก “โมนิก้า” ถึงเห็นหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 5.80 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 5.45% วอลุ่มอยู่ในระดับ 1.28 พันล้านบาท หากวันนี้ขึ้นต่อไม่ไหว เท่ากับเป็นการปิดฉากแล้วนะจ๊ะ

*กรณีนี้เทียบได้กับหุ้นพื้นฐานดีอย่าง SAPPE ก่อนหน้านี้กระชากขึ้นแบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น บวกกับมีพวกผสมโรงเข้ามาเอี่ยวเยอะแยะไปหมด อาการโอเวอร์ฮีตถึงเกิดขึ้นในทันที ซึ่งนำไปสู่การเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมากในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนแรงเทขายจะสะเด็ดน้ำแล้ว หุ้นถึงเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 27 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 340 ล้านบาท และมีลุ้นว่า หุ้นจะไปต่อได้อีกนะคะ

*เรื่องนี้เทียบได้กับ TASCO  มองในมุมของจังหวะจะโคน “โมนิก้า” ถือเป็นจุดวัดใจนักเล่นอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้เคยมีแพทเทิร์นวิ่งอย่างไร วันนี้ยังมีแพทเทิร์นแบบเดิมๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน มองแป๊บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า วันนี้หุ้นต้องเด้งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หากไม่เป็นเหมือนกับที่เม้าท์ให้ฟัง โพสิชั่นของหุ้นจะเป็นแบบลง 3 ขึ้น 1 รอบที่ 3  ซึ่งจะทำให้การวิ่งขึ้นมาปิดที่ 19.40 บาท บวกไป 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 800 ล้านบาท เป็นเพียงรีบาวด์เพื่อลงต่อเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ BCH หลังจากไม่มีอะไรคืบหน้ากว่าที่เป็นอยู่ สภาพของหุ้นก็ย่ำแย่ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.  จากหุ้นที่มีราคาค่างวดอยู่แถว 13.50 บาท สุดท้ายโดนเทกระจาดลงมาเรื่อยๆ  แม้ในระหว่างทางจะพยายามกระชากขึ้นเป็นระยะ แต่สุดท้ายก็สู้แรงเทขายที่มีออกมาเป็นระยะไม่ไหว ล่าสุดหุ้นลงมาปิดที่ 10.30 บาท ลบไป 0.80 บาท  หรือขึ้นไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบน P/E 43  เท่า มันใช่จังหวะที่ควรเข้าไปลงทุนหรือเปล่า ต้องไปคิดต่อกันอีกทีหนึ่งนะคะ

*ประเด็นตรงนี้เชื่อมโยงกับดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง PTG  ใครจะมองเป็นหุ้นเทพชั้นสุดยอดอย่างไรก็ช่าง “โมนิก้า” รู้อย่างเดียวว่า เมื่อเดือน เม.ย. หุ้นยืนอยู่ที่ฐานราคา 15 บาท ก่อนจะไปทำราคาสูงสุดที่ 30.50 บาทเมื่อปลายเดือน ส.ค. ล่าสุดหุ้นทรุดลงมาปิดที่ 22.90 บาท ลบไป 3.35 บาท หรือลงไป 12.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 740 ล้านบาท มันเป็นการซื้อขายบนP/E 47 เท่า มันน่าช้อนซื้อหรือเปล่า?

*ไหนๆ นักเล่นก็พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ “โมนิก้า” ขอเม้าท์มอยถึง ANAN ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลยดีกว่า เพราะสเต็ปของข่าวสารที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ มีอะไรโดนใจเดี๊ยนหลายอย่างด้วย บวกกับพฤติกรรมดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจังหวะนี้ถึงเป็นเวทีของผู้กล้าที่ลงทุนยาวๆ หลังหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 4.14 บาท ลบไป 0.36 บาท หรือลงไป 8% ด้วยมูลค่า 192 ล้านบาท ซึ่งใกล้กับเส้นแนวรับ 200 วันที่บริเวณ 3.90 บาท มันน่าสนใจจริงๆ นะคะ

*เหมือนกับในรายของ AUCT ลงมาปิดที่ระดับ 7.30 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 6.40% ด้วยมูลค่า 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงมาปิดใกล้กับจุดเด้งกลับบริเวณ 7 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใช้เหตุผลในการเข้าซื้อมากกว่าอารมณ์ ไม่เช่นนั้นอาจพลาดโอกาสสำคัญในการลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย..งานนี้ถือว่าไกด์ข้อมูลบางอย่างให้แล้ว ส่วนจะทำหรือไม่..ก็คิดกันเองแล้วกัน…“อิอิอิ”

*ป.ล. กองทุนตัวแสบ กับ ปอบผีฟ้าเทขายหุ้นทิ้งหนักคราวนี้ทำให้รู้ว่า เจ้าแรกล้างพอร์ตเพื่อรอรับเงิน LTF กับ RMF  ก้อนใหม่ที่จะเข้ามาในช่วงปลายปี ส่วนรายหลังคงชอร์ตหุ้นทำกำไรเหมือนเช่นเคย วานนี้ถึงเห็นดัชนีร่วงลงมาปิดที่ 1,411.85 จุด ลบไป 33.43 จุด ด้วยมูลค่า 5.39 หมื่นล้านบาทอย่างง่ายดาย..น้องโมฟังเขามาอีกทีนะคะ

Back to top button