SITHAI เดินสู่ยุคถดถอยแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ไม่เคยมีครั้งใด ที่ผู้บริหารของ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI ภายใต้การนำของนายสนั่น อังอุบลกุล ผู้สร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้เด่นดังมายาวนานไม่น้อยกว่า 3 ทศวรรษ จะแสดงออกด้วยคำพูดที่ท้อแท้เท่ากับปีนี้
ไม่เคยมีครั้งใด ที่ผู้บริหารของ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI ภายใต้การนำของนายสนั่น อังอุบลกุล ผู้สร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้เด่นดังมายาวนานไม่น้อยกว่า 3 ทศวรรษ จะแสดงออกด้วยคำพูดที่ท้อแท้เท่ากับปีนี้
เพียงแต่จังหวะอย่างนี้คนอย่าง นายสนั่น ไม่ได้ออกมาพูดเองเท่านั้น…แต่ให้ผู้บริหารคนอื่นออกมาพูดแทน
จะบอกว่ารักษาฟอร์ม หรือ รักษาหน้า…ก็สุดแท้แต่
SITHAI เจ้าของรางวัล หุ้นขวัญใจมหาชน 3 ครั้งใน 4 ปี ของกลุ่มสินค้าโบริโภคจากการจัดอันดับของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกคุณภาพสูงที่เลื่องชื่อระดับหัวแถวของเอเชีย ที่พัฒนาตัวเองจากธุรกิจขนาดเล็กในเยาวราช ซึ่งบุกเบิกก่อตั้งโดยนาย สุมิตร เลิศสุมิตรกุล ในตลาดพลาสติก และต่อมาเป็นเจ้าตลาดเมลามีน ก่อนเข้าสู่อาณาจักรพลาสติกครบวงจร รายใหญ่ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่ผ่านมา SITHAI เติบโตต่อเนื่องมาตลอด ผ่านร้อนและหนาวมาโชกโชน รักษาความสามารถทำกำไรในระดับปีละ 440-550 ล้านบาท มาตลอด และอัตรากำไรสุทธิ ระดับ 6.60-10.00% เช่นกัน ถือว่าเป็นเสาหลักในด้านนี้ที่สอดรับกับคำพังเพย “แหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน” ตลอดมา
ปีนี้ ครึ่งแรกของปี เกิดอาการที่เห็นชัดว่า SITHAI เกิดอาการ “เร่งเครื่องไม่ขึ้น” เป็นครั้งแรก ภายใต้คำเชิดชูผลงานตัวเองของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ว่า รัฐบาลชุดนี้ ทำงานครึ่งปี ได้ผลงานมากกว่ารัฐบาลเก่าทำมา 5 ปี และเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้นเรื่อยๆภายใต้ คสช.ที่ไม่มีคนโกงอยู่รอด
คนที่รู้จักนายสนั่น พากันเชื่อว่า นักธุรกิจที่วิสัยทัศน์ยาวไกล และช่วงชิงโอกาสได้ดีในอนาคต จะไม่มีทาง “เล่นหมากตาจน” เป็นอันขาด
ความเชื่อดังกล่าว เริ่มมลายหายไป แม้จะไม่หายวับ แต่ก็เจือจางลง เมื่อมีข่าวจาก นายปริญช์ ผลนิวาศ รองกรรมการผู้จัดการด้านการเงินและบริหารของ SITHAI ออกมาระบุว่า ผลการดำเนินงานปีนี้มีแนวโน้มที่จะทำระดับต่ำสุดในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา
นายปริญช์ คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ของ SITHAI จะต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากอัตรากำไรสุทธิหดตัวเหลือ 4% จาก 4.4% ในปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นเหลือ 18% จาก 18.92%
ประเด็นสำคัญของการถดถอยอยู่ที่ ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทำกำไรสุทธิได้ 128.57 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 17.26% เนื่องจากยอดขายแทบจะไม่เติบโต ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค อีกทั้งยังมีการตัดค่าเสื่อมและการลงทุนใหม่ๆ ทำให้ภาพรวมของกำไรชะลอลงไปด้วย
แม้ SITHAI ยังคาดว่าทั้งปีนี้ ยอดขายจะทำได้ระดับ 9.8 พันล้านบาท เติบโต 0.6-0.7% จาก 9.73 พันล้านบาทในปีก่อน จากผลพวงราคาเม็ดพลาสติกที่ผันผวน ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ชะลอคำสั่งซื้อ ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อและการบริโภคปรับตัวลดลง ส่วนตลาดเวียดนามก็เผชิญกับปัญหาภัยแล้ง ทำให้ส่งผลต่อการบริโภคชะลอไปด้วย
จากยอดประมาณการว่ายอดขายจะโต 7-8% ลดเหลือเพียงไม่ถึง 1%เพราะยอดขายผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 75% ของรายได้รวม ชะลอตัวไปถึง 5% แม้ว่า ครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจอาจจะดีกว่าครึ่งแรก แต่จะยังไม่ดีเท่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ใครที่คาดหวังว่าปีนี้ SITHAI จะทำ “นิวไฮ” คงต้องกลับไปทบทวนใหม่…ไม่ว่าจะนิยมหรือชื่นชอบแค่ไหน
แม้รายได้จะไม่เฟื่องฟู แต่ความหวังก็ยังไม่สิ้น เพราะนายปริญช์เผยว่า บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 50-60 เครื่องในอินเดีย ซื้อแม่พิมพ์สำหรับโรงงานในไทย และการลงทุนปรับพื้นที่รองรับการลงทุนใหม่ในเวียดนาม ซึ่งขณะนี้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 1.3 เท่า โดยที่จะปรับกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 20% จาก 10% ในปัจจุบันภายในปี 2562
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในเมียนมาเพิ่มเติม คาดได้เห็นความชัดเจนภายใน 1-2 ปีนี้ โดยรูปแบบจะคล้ายกับเวียดนาม
ภาวะเช่นนี้ ทำให้ SITHAI จำต้องเลื่อนแผนธุรกิจเดิมที่จะทำ บริษัท ศรีไทย (เวียดนาม) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากปีหน้าไปเป็นปี 2561 โดยต้องรอให้ผลประกอบการเข้ามาเต็มที่ก่อน
ฟังแล้วเศร้าแทนผู้บริหาร…แต่ก็ไม่เท่าความเศร้าของนักลงทุน ที่เห็นราคาหุ้นของ SITHAI ร่วงต่อเนื่องนานกว่า 1 เดือน จากระดับ 2.04 บาท มาอยู่ที่ปิดตลาดวานนี้ 1.81% คิดแล้วประมาณ 10% ซึ่งถือว่า มากกว่าค่าเฉลี่ยของการร่วงดัชนีตลาด
ราคาปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่เหนือ บุ๊คแวลู 1.68 บาท เพียงเล็กน้อย….แถมยังไม่มีสัญญาณใดที่ส่อเค้าว่า เข้าสู่เขตขายมากเกิน…เอาเสียเลย
ตอนนี้ ได้แต่ภาวนาว่า ราคาหุ้น SITHAI จะไม่ร่วงจนต่ำกว่าบุ๊ค และต้องงัดเอามาตรการ “ซื้อหุ้นคืน” มาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เพราะหากย้อนอดีตกลับไป SITHAI โตมากับการแก้ปัญหาก่อนที่จะถูกสถานการณ์บีบคั้นเสมอ..ครั้งนี้ ก็น่าจะได้อีก
สนั่น (เบื้องหน้า) และสุมิตร (เบื้องหลัง)…ซะอย่าง
“อิ อิ อิ”