10 ปีถอยหลัง 40 ปีทายท้าวิชามาร
10 ปีที่แล้วคุณอยู่ที่ไหน 10 ปีที่แล้วพม่าอยู่ที่ไหน ใครเคยคิดบ้างว่าประเทศไทยจะมาถึงจุดนี้
ใบตองแห้ง
10 ปีที่แล้วคุณอยู่ที่ไหน 10 ปีที่แล้วพม่าอยู่ที่ไหน ใครเคยคิดบ้างว่าประเทศไทยจะมาถึงจุดนี้
ขบวนการไล่ “ระบอบทักษิณ” ที่อำนาจนิยมแต่มาจากคะแนนนิยมของประชาชน เข้ารกเข้าพงจนจบด้วยรัฐประหารล้มประชาธิปไตย แต่เอาเข้าจริงไม่จบ กลายเป็นความขัดแย้งแบ่งฝ่ายถึงทุกวันนี้
รัฐประหาร 19 กันยา เกิดขึ้นทั้งที่มีความพยายามลากถู ล้มการเลือกตั้งพรรคเดียว โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งโมฆะเพราะหันคูหาออก แล้วประธาน 3 ศาลประชุมกันเรียกร้องให้ กกต.ลาออก แต่ กกต.ไม่ยอมออกจนถูกศาลตัดสินว่าผิด ติดคุก ไม่ให้ประกัน เอาเถอะ ยังไงๆ ก็จะไปสู่เลือกตั้ง มี กกต.ชุดใหม่ ที่ไหนได้ พันธมิตรฯ นัดชุมนุม แล้ว “บิ๊กบัง” ก็อ้างว่าจะเกิดการปะทะ ทำรัฐประหารซะ
รัฐประหาร 19 กันยา แตกต่างจากรัฐประหารทุกครั้งในอดีต แทนที่จะใช้อำนาจยุบพรรคการเมืองกลับตั้งตุลาการขึ้นยุบพรรคไทยรักไทย ออกประกาศ คปค.ให้มีผลย้อนหลังตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ตั้ง คตส.ขึ้นใช้อำนาจแทน ปปช. ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เพิ่มอำนาจศาลองค์กรอิสระ เปลี่ยนวุฒิสภามาจากสรรหากึ่งหนึ่ง
แล้วพอพรรคพลังประชาชนกลับมาชนะ ก็เกิด “ม็อบมีเส้น” ยึดทำเนียบยึดสนามบิน จนศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค จากที่กรรมการบริหารพรรคโดนใบแดง “ผิดคนเดียวประหาร 7 ชั่วโคตร” สลับขั้วทางการเมือง ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แล้วคนอีกข้างซึ่งโกรธแค้นเพราะเห็นว่าอำนาจเลือกตั้งของตนถูกทำลายอย่างไม่ยุติธรรม ก็ออกมาต่อต้านจนเกิดเหตุนองเลือดปี 53
แน่ละครับ ทักษิณไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยอะไรเลย ถึงได้ผลักให้เกิด “นิรโทษสุดซอย” ลักหลับตอนตีสี่ แต่ม็อบนกหวีดต้านนิรโทษก็เลยเถิดถึงขั้นตั้งกรวยปิดเมืองปิดสถานที่ราชการขัดขวางเลือกตั้ง ภายใต้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งขัดรัฐธรรมนูญ จนประเทศหาทางออกไม่ได้ จนเกิดรัฐประหาร จึงดีใจไชโยโห่ร้อง
เมื่อมองย้อนกลับไป 10 ปี จะเห็นได้ว่าอำนาจที่ต้องการ “โค่นล้มระบอบทักษิณ” ไม่ใช่แค่ทหาร แต่กลายเป็น “รัฐพันลึก” พลังอนุรักษนิยมที่ต้องการนำประเทศออกจากประชาธิปไตย ซึ่งนอกจากผลัก “ความชอบธรรม” ไปให้ทักษิณ ผลักผู้รักประชาธิปไตยไปยืนตรงข้าม ยังทำลายตัวเองจนสูญสิ้นความเชื่อมั่น ถูกมองว่า “สองมาตรฐาน” ไม่ว่าสื่อ นักวิชาการ ตุลาการ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมที่คนเคยเชื่อถือว่าดีงาม
10 ปีผ่านไปจาก 19 กันยา 49 ถึง 7 สิงหา 59 ดูเหมือน “ระบอบทักษิณ” พ่ายแพ้สิ้นเชิง ไม่มีทางกลับมาได้อำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้ง แต่ผลของความพยายามตั้ง 10 ปีคืออะไร คือต้องทำลายระบบอำนาจจากเลือกตั้งลงทั้งหมด ให้การเลือกตั้งไม่มีความหมาย ให้ระบบการเมืองถอยหลังไป 40 ปี
ยิ่งกว่านั้น หากมองให้ลึกลงไป การที่ประชามติผ่าน การที่คนทั้งประเทศฝากความหวังไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มันสะท้อนว่าหลังทำลายตัวเองมา 10 ปี ประเทศนี้ก็อยู่บนความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง สิ้นหวังที่จะกลับไปเป็นประเทศซึ่งมีหลัก มีกฎเกณฑ์ มีความเป็นอารยะ เหลือแต่ความกลัว ความไม่รู้อนาคต ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร บ้านเมืองจะแตกเป็นเสี่ยงอีกเมื่อไหร่ ไม่มีใครอีกแล้วนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ที่มีอำนาจพอจะปกครองประเทศได้ อนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไรแต่วันนี้เอาชีวิตรอดไว้ก่อน
นี่คือความหวังของคนไทย หลังรัฐประหาร 49 สิบปี