EFORL จากไข่ทองคำ เป็นไข่เน่าแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
วันที่ 7 กันยายนที่เพิ่งผ่านมา หุ้นใหม่ 4,590.747 ล้านหุ้นจากการใช้สิทธิแปลงสภาพจากวอร์แรนต์ EFORL-W3 ของบริษัทขายอุปกรณ์-เครื่องมือแพทย์ และเข้าลงทุนในบริษัทลูกหลายราย บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL เข้าเทรดใหม่วันแรก เพิ่มเติมจากหุ้นเดิม 9,200.013 ล้านบาท
วันที่ 7 กันยายนที่เพิ่งผ่านมา หุ้นใหม่ 4,590.747 ล้านหุ้นจากการใช้สิทธิแปลงสภาพจากวอร์แรนต์ EFORL-W3 ของบริษัทขายอุปกรณ์-เครื่องมือแพทย์ และเข้าลงทุนในบริษัทลูกหลายราย บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL เข้าเทรดใหม่วันแรก เพิ่มเติมจากหุ้นเดิม 9,200.013 ล้านบาท
จำนวนหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นประมาณ 50% จากหุ้นเดิม ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงต่อเนื่องจากระดับ 0.40 บาท ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.30 บาท ก่อนที่จะรีบาวด์กลับมาที่ระดับล่าสุดวานนี้ 0.33 บาท
ราคาหุ้นที่ร่วงลงต่อเนื่อง ผสมกับผลประกอบการอันย่ำแย่ครึ่งแรกของปีนี้ ทำให้มีคำถามตามมาว่า ผู้บริหารของบริษัท ภายใต้การนำของนาย ธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะพลิกฟื้นสาถนการณ์กลับมาได้อย่างไร
คำตอบเป็นไปอย่างวังเวง เพราะหากย้อนหลังกลับไปมองอดีต คำพูดที่เปี่ยมด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ของนายธีรวุทธิ์ เคยทำให้นักลงทุนผิดหวังซ้ำซาก จนนับครั้งไม่ถ้วน นับตั้งแต่กู้เงินจากธนาคาร 2 พันล้านบาทจากธนาคารกสิกรไทย เพื่อทุ่มซื้อกิจการของ “วุฒิศักดิ์คลินิก” ที่มีปัญหาขัดแย้งภายใน เพื่อจะเติบโตทางลัด ตามสูตร Inorganic Growth
จากหุ้นที่เคยราคาหวือหวาเป็นที่นิยมของนักลงทุนระดับแมงเม่า จนวิ่งขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 2 บาท ราคาหุ้นของ EFORL ถอยลงต่อเนื่องเพราะความฝันที่พยายามขาย ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงจากรายได้และกำไรที่พลาดเป้าต่อเนื่อง จนราคาซึมยาวลงมาที่ระดับปัจจุบัน
คำถามสำคัญต่อไปคือ มีใครบ้างที่เคยทำกำไรจาก EFORL น่าจะมีคนตอบได้น้อยกว่าคำถามที่ว่า มีใครบ้างที่ไม่เคย “เจ๊ง” เพราะหุ้นตัวนี้
ผลประกอบการที่เลวร้ายลงของธุรกิจที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าจะเป็น “ห่านที่ไข่เป็นทองคำ”…หรือ golden-egg goose…อย่างวุฒิศักดิ์คลินิก ในปีนี้ ยิ่งทำให้ความหวังที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ยากขึ้นไปอีก
เหตุผลเพราะ “ไข่ทองคำ” ได้กลายเป็น “ไข่เน่า”…ไปเสียแล้ว
ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เพราะตัวเลขไม่เคยโกหก …ที่สำคัญ เป็นตัวเลขที่มาจากผู้บริหารเสียแอง
ในคำอธิบายถึงสาเหตุที่บทวิเคราะห์ของฝ่ายบริหารสำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2559 โดยนายธีรวุทธิ์ เอง ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ระบุว่า รายได้ของ EFORL ในไตรมาสสองลดลง 19% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน มาจาก “…การลดลงของรายได้จากการให้บริการส่วนใหญ่ของธุรกิจบริการความงาม…” ซึ่งหมายถึง วุฒิศักดิ์คลินิก โดยตรง
ภาพรวมของธุรกิจความงามดังกล่าว มีอัตราการเติบโตที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี จากปกติที่เติบโตปีละ 10-20% แต่กลับลดลงในปีนี้ถึง 5-7% เนื่องจากลูกค้าเป้าหมายมีกำลังซื้อลดลง
ทางออกของ EFORL ที่นายธีรวุทธิ์ระบุคือ หารายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจเครื่องสำอาง ที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดี …เพียงแต่มีเงื่อนไขว่า… “หลายผลิตภัณฑ์กำลังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาด้านการตลาด..ที่อาจใช้เวลาในการเห็นผลระยะหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเห็นชัดเจนในไตรมาส 4 ของปีนี้”
การเปลี่ยนจุดขายฝัน…จากธุรกิจที่เคยตั้งเป้าหมายจะเป็นเสาหลัก มากเป็นธุรกิจใหม่ที่ยังต้วมเตี้ยมไม่เติบโตเพียงพอ มีคำถามต่อเนื่องว่า ..ว่าการขาดทุนของEFORL จะพลิกฟื้นกลับมาได้อย่างไร และทันท่วงทีแค่ไหน
EFORL มีธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจคือ ธุรกิจขายเครื่องมือแพทย์ อันเป็นธุรกิจดั้งเดิม ตามด้วยธุรกิจใหม่ 2 อย่างคือธุรกิจเสริมความงาม ที่มี วุฒิศักดิ์คลินิก ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่า จะผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อทำรายได้ต่อไป กับ ธุรกิจเครื่องสำอางที่ยังไม่เติบโตเพียงพอ
การจะเอาธุรกิจใหม่ที่ยังไม่เติบโตได้รวดเร็วมาทดแทนธุรกิจเก่า ที่ทำกำไรได้ไม่ทันกับหนี้ที่พอกพูนมากขึ้นเพราะการกู้เงินมาซื้อกิจการ…จะมีคำตอบที่มากกว่า “ขายฝัน” ได้มากน้อยแค่ไหน
คนที่ให้คำตอบคือ นายธีรวุทธิ์ ต้องตอบ..โดยเร็ว ก่อนที่จะสายเกินการ เพราะงบการเงินล่าสุดของบริษัทยามนี้ พบว่ามีตัวเลขหนี้สินรวม 4,697.91 ล้านบาท สูงมากเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่เหลือเพียง 1,036.64 ล้านบาท
ค่า ดี/อี ที่มากถึง 4.6 เท่า ถือว่า สุ่มเสี่ยงทางการเงินไม่น้อย เพราะดอกเบี้ยพอกพูนเข้าข่าย “งูที่กลืนกินตัวเอง” ทุกขณะ เนื่องจากขาดความสามารถในการทำกำไรกลับคืนมาจากการลงทุน
ที่สำคัญค่าพี/อีของ EFORL ล่าสุดที่ 877.73 เท่า ในราคาหุ้นเพียงแค่ 0.33 บาท นั้น คงจะทำห้ไม่สามาถรที่ราคาหุ้นจะสูงขึ้นเหนือ 0.40 บาทได้อีกยาวนาน
ใครถือหุ้นนี้เอาไว้ เท่ากับ ..sleeping with the enemy…ไม่ผิดเพี้ยน
ก่อนหน้านี้ นายธีรวุทธิ์ เคยประกาศไว้ชัดเจนหลายครั้งว่า จะคืนหนี้ได้ทั้งหมดภายในเวลาเท่านั้นเท่านี้ และ…EFORL จะเติบโตแข็งแกร่งแน่นอน….ด้วยยุทธศาสตร์หอยทาก… ดังนั้น หากจะรัก…ต้องรอนานๆ
ถึงตอนนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น…อาจต้องรอไปถึงชาติหน้า …หรือ อีก 2 ชาติหน้า
ทนได้ไหว ก็ทนไป
“อิ อิ อิ”