ของดีใกล้ตัวโมนิก้าและทีมงาน

*หลังจากตลาดหุ้นไทยวุ่นวายอยู่กับเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยมาพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็ปลดเปลื้องพันธนาการจากเรื่องดังกล่าวได้เสียที ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ “โมนิก้า” รอคอยมาเป็นเวลานาน เพราะมันหมายถึงการเล่นรอบเที่ยวใหม่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะที่แฟนคลับต้องใส่ทุกช็อต เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่มีเวลาอารัมภบทอะไรอีกต่อไปนะคะ


*หลังจากตลาดหุ้นไทยวุ่นวายอยู่กับเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยมาพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็ปลดเปลื้องพันธนาการจากเรื่องดังกล่าวได้เสียที ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ “โมนิก้า” รอคอยมาเป็นเวลานาน เพราะมันหมายถึงการเล่นรอบเที่ยวใหม่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะที่แฟนคลับต้องใส่ทุกช็อต เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่มีเวลาอารัมภบทอะไรอีกต่อไปนะคะ

*เนื่องจากประเด็นร้อน ประเด็นฮิต ได้มีการถกเถียงจนได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า money game ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ทำให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจได้เป็นอย่างดี และไม่ต้องถามถึงสาเหตุที่ทำให้ดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,505.99 จุด บวกไป 18.82 จุด ด้วยมูลค่า 4.64 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นเรื่องของฟิลลิ่งของคนหมู่มากล้วนๆ บวกกับหุ้นหลายตัวมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงกลายเป็นหุ้นที่กระชากขึ้นแรงอย่างโดดเด่นเจ้าค่ะ

*ที่สำคัญคือ ในตลาดหุ้นยังมีหุ้นพื้นฐานดีอีกหลายตัวที่ไม่ค่อยเป็นข่าว แต่เป็นหุ้นที่ทำให้นักเล่นได้เข้ามาเล่นรอบหลายเที่ยวด้วยกัน “โมนิก้า” จึงขอเปิดฉากเล่าถึงหุ้นตัวที่เคยเม้าท์ให้ฟังไปก่อนหน้านี้ เพราะเมื่อสำรวจผลตอบแทนจากการลงทุนในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า แมงเม่าร่ำรวยกันอย่างถ้วนหน้า จึงต้องออกมาย้ำหัวหมุดตัวเดิม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนเล่นหุ้นพะยะค่ะ

*หุ้นตัวแรกที่ “โมนิก้า” ต้องขอพูดถึงคือ EPG เนื่องจากไซเคิลของหุ้นเคลื่อนตัวแบบ w-shape มาตั้งแต่ต้นปี 59 ซึ่งมีกรอบราคาด้านล่างอยู่ที่ 12 บาท ส่วนกรอบด้านบนอยู่ที่ 15 บาท ซึ่งเป็นวงรอบใหญ่ที่เกิดขึ้นให้เห็นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 14.10 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่า 580 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่เล่นได้อีกนิดหน่อยนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ COM7 กระชากขึ้นมาปิดที่ 10.80 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 460 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของวงรอบของหุ้นที่วิ่งไปมาในกรอบ 10-12 บาทเป็นเวลานานถึง 3 เดือน แม้ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้จะไหลลงไปถึง 9 บาท แต่สุดท้ายก็เด้งกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ ต้องไหลตามน้ำแล้วล่ะค่ะ

*อีกหนึ่งกรณีที่มาทรงคล้ายกัน “โมนิก้า” ขอเบนเข็มไปยังหุ้น IRPC ของมันเห็นกันเต็ม 2 ลูกตาว่า กรอบใหญ่ที่เล่นกันตั้งแต่เดือนมี.ค.-ก.ย. มันอยู่ที่ระดับ 4.60-5.20 บาทเพียงแต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกวัดแกว่งไปมาในกรอบที่เล็กลงมานิดหนึ่ง พร้อมกับขยับเอวไปมาอยู่ที่ 4.80-5.00 บาทแบบนี้ มันเป็นลักษณะที่เอื้อให้กับพวกที่ “คิดเล่นทำเร็ว” บวกกับวานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.94 บาท บวกไป 0.08 บาท ด้วยมูลค่า 745 ล้านบาท เดี๊ยนถึงกล้าแนะนำให้ลุยต่อไป…ยกเว้นเห็นท่าไม่ดี ตอนนั้นค่อยถอย…อิอิอิ

*ไหนๆ ก็มาในแนวเล่นเร็วขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดูพระเอกตัวจริงอย่าง AJD สักหน่อย! หลังหุ้นพยายามตั้งลำเพื่อขึ้นมาอีกรอบ ซึ่งรอบนี้กำลังสะสมกำลังเพื่อพลิกแนวต้าน 2 บาทให้กลายเป็นแนวรับ จึงเป็นช็อตที่น่าตามไปดูทุกเม็ด บวกกับพรายกระซิบไปสำรวจตลาดตู้เติมเงินแล้วพบว่า ยอดขายทะลุ 3 หมื่นตู้ไปแล้ว ยิ่งเป็นจังหวะที่ต้องลุยกันสุดซอย เนื่องจากราคาล่าสุดยืนอยู่แค่ 1.91 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 2.70% มันมีแก๊ปให้วิ่งขึ้นอีกเยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับยอดเดิม 2.50 บาท และถ้าเทียบกับเป้า 2.80 บาท…มีอะไรต้องคิดอีกไหมค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BIG ซึ่งทุกคนรับรู้กันเป็นอย่างดีว่า นี่คือหุ้น growthstock ตัวเลขกำไรในช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 จะเลิศสะแมนแตน เพราะเป็นช่วงที่บริษัทกล้องต่างๆ เริ่มส่งกล้องรุ่นใหม่เข้ามาในตลาด รวมทั้งเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว “โมนิก้า” ถึงมองยอดเก่า 5 บาทไม่ไกลเกินเอื้อม หลังหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 4.42 บาท ด้วยมูลค่า 175 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่ารักน่าลุ้นดีแท้เจ้าค่ะ

*ประเด็นตรงนี้เหมือนกับการไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ ของหุ้นดาวเด่น TACC ทั้งที่ก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้โดนถล่มลงไปกอง 7 บาท ล่าสุดหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 8.90 บาท บวกไป 0.05 บาท วอลุ่มหนาแน่นตามท้องเรื่อง แถมมีกรอบด้านบน 10 บาทกลายเป็นเป้าหมายแรก เพราะเป้าถัดไปที่กูรูสำนักต่างๆ ให้ไว้อยู่ที่ระดับ 12 บาท “โมนิก้า” ถึงกล้าเม้าท์กับแฟนคลับว่า อย่ามองข้าม! พะยะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TSE มีโปรเจ็กต์บิ๊กเบิ้มรออยู่ข้างหน้า ย่อมเป็นหุ้นทางเลือกหลักที่ไม่ควรมองข้าม แถมคนวงในดีดลูกคิดเพื่อคำนวณตัวเลขกำไรออกมาเป็นระยะ หุ้นถึงไต่ระดับขึ้นจากจุดต่ำสุด 4.30 บาทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 5 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 195 ล้านบาท ทำให้เดี๊ยนมีความหวังว่า หุ้นจะขึ้นไปยืนแถว 5.50 บาทอีกรอบนะจ๊ะ

*ส่วนคนที่ชอบเก็บหุ้นแบบเงียบๆ ไม่ค่อยมีคนสนใจสักเท่าไหร่ แต่โปรเจ็กต์ในอนาคตสุดแสนจะเลิศสะแมนแตน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้แฟนคลับหันไปมอง ITEL ในทันทีทันใด หลังหุ้นแกว่งตัวลงมาหาฐานราคาที่มั่นคง และดูเหมือนว่า จุดรับของที่บริเวณ 7.80 บาทจะเหนียวแน่นสุดๆ จึงถึงเวลาทยอยสะสมหุ้นเข้าพอร์ต เพราะของมันเคยเห็นกันมาแล้วว่า FSMART ยังเคยขึ้นไปถึง 15 บาทมาแล้ว…หุ้นตัวนี้ก็คงดำเนินรอยตามในไม่ช้า…งานนี้บอกได้แค่ว่า เชื่อน้องโมแล้วจะดีเองเจ้าค่ะ

Back to top button