พาราสาวะถี อรชุน
ออกมายืนยันว่าป.ป.ช.เร่งรัดการตรวจสอบในทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะคดีในส่วนของพรรคเพื่อไทย สำหรับ พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. หลังถูก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาโวยถูกตรวจสอบถึง 15 คดี โดยที่มีการอ้างว่าอาจเป็นเพราะช่วงจังหวะที่สำนักไต่สวนคดีนักการเมืองทยอยส่งสำนวนการไต่สวนที่ดำเนินการแล้วเสร็จออกมาพอดี
ออกมายืนยันว่าป.ป.ช.เร่งรัดการตรวจสอบในทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะคดีในส่วนของพรรคเพื่อไทย สำหรับ พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. หลังถูก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาโวยถูกตรวจสอบถึง 15 คดี โดยที่มีการอ้างว่าอาจเป็นเพราะช่วงจังหวะที่สำนักไต่สวนคดีนักการเมืองทยอยส่งสำนวนการไต่สวนที่ดำเนินการแล้วเสร็จออกมาพอดี
นั่นอาจเป็นเหตุผลของคนที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่หากย้อนกลับไปที่ป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้ มีคดีที่หลายคนสงสัยเอาที่ชัดๆ คือ โรงพักร้าง 396 แห่งเกิดขึ้นก่อนคดีจำนำข้าวหลายปีดีดัก และพลตำรวจเอกวัชรพลน่าจะรู้ข้อมูลเป็นอย่างดี ถามว่าคดีไปถูกซุกไว้ที่ตรงไหนและจะอ้างเหตุผลอย่างไร ทั้งๆ ที่มีหลักฐานประจานอยู่ทั่วเมือง
เอาเพียงแค่นี้ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ประเภทว่าพยาน หลักฐานเยอะต้องใช้เวลาตรวจสอบไม่น่าจะฟังขึ้น แล้วจำนำข้าวมันไม่มากกว่าหรือและยังต้องใช้เวลามากกว่า แต่ป.ป.ช.ชุดก่อนก็ใช้เวลาแค่เพียง 21 วันจัดการทุกอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนนำไปสู่การถอดถอนยิ่งลักษณ์และเล่นงานชาวคณะ จนกระทั่งมาถึงการเรียกร้องค่าเสียหายที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
หรือเอาแค่คดีจีที 200 ที่ วิชา มหาคุณ อดีตป.ป.ช.บอกว่างงกับข้อมูลไม่รู้จะตรวจสอบอย่างไร วันนี้ศาลที่อังกฤษตัดสินบริษัทผู้ผลิตว่าผิด ผลิตสินค้ากำมะลอ พร้อมสั่งให้ยึดทรัพย์ ถามว่า เท่านี้ยังไม่เพียงพอที่ให้องค์กรอิสระตรวจสอบการทุจริตของประเทศไทยไปตรวจสอบหรือเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องได้อีกหรือ หากเรื่องนี้ยังคงใบ้รับประทาน ก็ขอเรียกร้องให้ท่านผู้นำใช้มาตรา 44 เซตซีโร่องค์กรนี้ไปอีกแห่งเถอะ นอกเหนือจากกกต.
ที่น่าตลกมากไปกว่านั้นคงเป็นการยกเอากรณีน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 มาเป็นประเด็นเตรียมเล่นงานยิ่งลักษณ์ โถ!ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่รู้ว่าจะเชลียร์กันไปถึงไหน จึงไม่แปลกที่ ปลอดประสพ สุรัสวดี จะโพสต์เฟซบุ๊คอดสมเพชการกระทำดังกล่าวไม่ได้ โดยเจ้าตัวระบุว่า ถ้าจะสอบอุทกภัย ต้องสอบเทวดา รู้สึกขำและรู้สึกเศร้า ที่ป.ป.ช. จะดำเนินการไต่สวนรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และยิ่งลักษณ์ว่าทำให้น้ำท่วม มันดูเพี้ยนแบบเลอะสุดๆ
ก่อนจะอธิบายต่อว่า ภัยธรรมชาติมนุษย์หน้าไหนจะต่อสู้ได้ อุทกภัยเป็นภัยธรรมชาติประเภทหนึ่ง ปี 2554 เป็นอุทกภัยสูงสุดใน 100 ปี ฝนตกมากถึง 1,781 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่าค่าปกติ 35 เปอร์เซ็นต์หรือ 407 มิลลิเมตร หากคิดเป็นน้ำก็คือมากกว่าเดิมถึง 46,000 ล้านลูกบาศก์เมตร นี่แหละตัวปัญหา กรมชลประทานเคยประเมินว่าแค่ 16,000 ล้านลูกบาศก์เมตรที่ท่วมกรุงเทพฯ ตอนนั้นต้องใช้เวลาถึง 45 วันในการระบาย
ในปี 2554 มหาฝนจากพายุ 5 ลูก ก่อให้เกิดน้ำมากกว่า 100,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึมลงดินและระเหยไป 70 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะภาคเหนือเหลือไหลเป็นน้ำท่าไปลงเขื่อนต่างๆ 25,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่เหลืออีก ประมาณ 60,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลลงแม่น้ำ ปิง-วัง-ยม-น่าน เจ้าพระยา สะแกกรัง ป่าสัก ท่าจีน เจิ่งนองท่วมพื้นที่ ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง 90,000 ตารางกิโลเมตร
ที่กรรมที่สุดคือ ไหลลงมาถึงกรุงเทพฯ ตอนน้ำทะเลขึ้นสูงสุดในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน หากพวกท่านไม่บ้าอำนาจและมีปัญญาสักนิด ท่านอาจจะเข้าใจได้ว่านี่เป็นอุทกภัย ไม่มีใครเลียนแบบทำอุทกภัยได้หรอก(เพราะพระพิรุณท่านเป็นเทพที่ดี) ไม่มีรัฐบาลบ้าบออะไรที่ต้องการน้ำท่วม ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนไปสั่งระบายน้ำจากเขื่อนอะไรได้ เขามีกรรมการของเขาแต่งตั้งโดยกปร.มีส่วนร่วม
การบริหารอุทกภัยไม่มีใครสู้กับธรรมชาติ ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องช่วยเหลือราษฎรให้มีชีวิต มีอาหารกิน มีที่อยู่อาศัยและเมื่อน้ำลดแล้วก็จะเข้ามาฟื้นฟู จำได้ว่ายิ่งลักษณ์ออกเยี่ยมช่วยเหลือประชาชนอยู่ไม่ได้ขาด ทุกหน่วยราชการรวมถึงบริษัท ร้านค้าต่างๆ ก็เข้าร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชน เป็นที่น่าชมเชย ตนในเวลานั้นก็เข้าไปดูแลพื้นที่ป.ป.ช. ไม่นึกว่าวันนี้ทำเป็นลืมแถมยังจะมาฟ้องกันอีก
สิ่งสำคัญที่ป.ป.ช.คงต้องนำไปประกอบสำนวนการไต่สวนคือคำให้สัมภาษณ์ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า “น้ำท่วมไม่ให้เกิดไม่ได้ เพราะพื้นที่ประเทศไทยต่ำ ยังไงก็ท่วม” ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์อีกรอบเมื่อวันที่ 25 กันยายนว่า “ไม่ให้น้ำท่วม ไม่มีใครทำได้หรอก ตราบใดที่ฝนยังตกมามาก”
อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งธงกันเอาไว้อย่างนี้แล้ว อย่างไรเสียป.ป.ช.ก็ต้องเดินหน้าต่อ ดังนั้น ปลอดประสพจึงบอกว่า ยินดี แล้วก็ให้ป.ป.ช.เตรียมล้างหูไว้ฟังก็แล้วกัน ทางที่ดีควรจะไปทำหน้าที่ที่ควรดีกว่า ไม่ใช่มาสอบนโยบาย มันคงไม่เหมือนวิธีการทำงานของรัฐบาลแบบที่ทำอยู่ขณะนี้ ก่อนที่จะค่อนขอดว่าหากสนใจเรื่องน้ำจริงก็ควรจะไปสอบเรื่องฝายแตกอะไรทำนองนั้น
แต่พูดไปคงไม่มีประโยชน์ เหมือนอย่างกรณีเรียกค่าเสียหาย หากจำนำข้าวที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีชาวนาทุกบาททุกสตางค์แล้วถูกตีเป็นความเสียหาย กรณีจีที 200 คนที่อนุมัติจัดซื้อแล้วเครื่องมือใช้งานไม่ได้ อันนี้การันตีโดยศาลอังกฤษ น่าจะต้องให้ชดใช้เงินภาษีของประชาชนที่เสียไป มิหนำซ้ำ ยังมีชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นหนูทดลองเสี่ยงตายรวมเข้าไปด้วย
ความเสียหายในลักษณะเช่นนี้จะคิดกันอย่างไร ประสาคนยึดกฎหมายเป็นที่ตั้งอย่างบิ๊กตู่ไม่น่าจะทำเป็นหูทวนลมหรือใช้อารมณ์ตอบโต้เมื่อถูกบี้ถามถึงประเด็นความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กรณีของน้องชาย พลเอกปรีชา จันทร์โอชา พูดมาต่อเนื่องหลายวัน ลำพังลูกเมียจะทำมาหากินมีบริษัทอะไรไม่เป็นปัญหา แต่ไปหางานที่จะรับให้มันไกลพื้นที่ที่ตัวเองเคยมีอิทธิพลหน่อยจะดีกว่าไหม
ยิ่งข้อมูลล่าสุดของ วิลาศ จันทร์พิทักษ์ มือตรวจสอบจากค่ายประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า สิ่งที่ทำแม้ไม่ผิด แต่ก็น่าเกลียด เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนตั้งอยู่ในค่ายทหารและประมูลงานของกองทัพได้ทุกงาน เป็นเสียอย่างนี้บิ๊กตู่ในฐานะคนไปนำขบวนเปิดไฟไล่โกง ต้องทำทุกอย่างให้โปร่งใสและมีธรรมาภิบาล นี่กระมังที่โบราณว่าถ้าคิดจะไปกวาดบ้านคนอื่นให้สะอาด ควรที่จะทำบ้านของตัวเองให้มันสดใสแวววาวเป็นตัวอย่างก่อนดีไหม เวลาพ้นอำนาจปราศจากบารมีไปจะได้มีแต่เสียงสรรเสริญไม่ใช่สาปแช่งไล่หลัง